ผู้เขียน หัวข้อ: ปูเป้ กล้ามาก แก้ผ้าโปรโมตขายบ้าน โอดยังขายไม่ได้มีแต่พวกหื่นติดต่อมา  (อ่าน 3109 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์



“ปูเป้ อรหทัย” ทุ่มทุนสร้างยอมแก้ผ้าถ่ายเซ็กซี่โปรโมตขายบ้าน 20 ล้าน โอดยังขายไม่ได้มีแต่พวกหื่นติดต่อมา แจงตอนแรกตั้งใจถ่ายโปรโมตอาหารเสริมแต่เพราะความงกก็เลยถ่ายโปรโมตขายบ้านด้วยเลย พร้อมโต้ข่าวเป็นเมียน้อย บอกถ้าหากินแบบนั้นคงรวยกว่านี้แล้ว
       
       ฮือฮาทีเดียว กรณีที่นางร้ายสาว “ปูเป้ อรหทัย ซื่อศรีสวัสดิ์” ลุกขึ้นมาแก้ผ้าถ่ายเซ็กซี่โปรโมตขายบ้านหรูราคา 20 ล้าน ที่หมู่บ้านลัดดารมย์ ย่านวัชรพล ทำเอาหลายคนหัวใจจะวายเพราะช่างเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ล่อแหลมซะเหลือเกิน พอสอบถามถึงเหตุผลที่ยอมลงทุนขนาดนี้ สาวปูเป้ก็อธิบายว่า ที่ตัดสินใจขายบ้านเพราะตอนแรกตั้งใจจะสร้างไว้ให้พ่อกับแม่อยู่ แต่ว่าพ่อกับแม่ไม่ยอมมาอยู่ด้วย ส่วนตนก็ไม่ค่อยได้อยู่ เผยบ้านหลังใหญ่ไม่มีคนดูแล ก็เลยตัดสินใจขาย ส่วนที่ยอมแก้ผ้าถ่ายเซ็กซี่โปรโมตขายบ้าน จริงๆ แล้วตอนแรกตนตั้งใจถ่ายโปรโมตอาหารเสริม แต่เพราะความงกก็เลยถ่ายโปรโมตขายบ้านด้วยเลย
       
       “ที่ตัดสินใจขายเพราะว่าไม่ค่อยได้อยู่ค่ะ คือบ้านประกาศขายมานานแล้ว แต่มันขายไม่ได้ อาจเป็นเพราะสภาพของเศรษฐกิจ คือเศรษฐกิจมันดร็อปมาหลายปีแล้ว อีกอย่างตอนแรกซื้อมามันไม่ถึง 20 ล้าน แต่ว่าเราตกแต่งทำเรือนรับรอง ซื้อสระว่ายน้ำ กะว่าจะให้คุณพ่อคุณแม่มาอยู่ด้วย แต่ว่าแกไม่ยอมมาไง แกบอกว่าแกแก่แล้วก็อยากอยู่ที่เดิม แกชินกับสังคมตรงนั้น ชินกับการซื้อของที่ตลาด ชินกับสังคมเพื่อนบ้านตรงนั้นแล้ว”
       
       “เขาก็ไม่อยากย้ายแหละ เราก็เลยเอาไงดีไม่มีใครอยู่ บ้านหลังใหญ่ก็ไม่มีใครดูแล เพราะว่ามันต้องมีค่าส่วนกลาง ค่าทำสระว่ายน้ำ คือปีนึงค่าพวกนี้มันรวมๆ แล้วเกือบแสนนะ เราก็มานั่งนึกๆ ดูเลยตัดสินใจขายดีกว่า แต่เราต้องขายในราคาที่เราไม่เสียดายไง และเราก็ต้องพอใจด้วย เราก็เลยจะขายแล้วไปหาซื้อทาวน์โฮมที่ดูแลรักษาได้ง่ายๆ หน่อย”
       
       พร้อมแจงกรณีลงทุนแก้ผ้าถ่ายเซ็กซี่โปรโมตขายบ้าน เพราะตอนแรกตนตั้งใจถ่ายเพื่อโปรโมตธุรกิจอาหารเสริม แต่เพราะความงกก็เลยถ่ายโปรโมตขายบ้านด้วยเลย
       “ที่ถ่ายเซ็กซี่ขายบ้านเริ่มต้นมาอย่างนี้ค่ะ คือเราถ่ายเปิดตัวผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโอริต้า เพื่อนก็เลยเสนอว่าถ่ายเพื่อโปรโมตขายบ้านด้วยเลยดีไหม คือมันเป็นความคิดของเพื่อน และด้วยความงกของเรา คือเราจ้างทีมโปรดักชั่นมาแล้ว ก็เลยพ่วงอันนี้มาด้วย อย่างน้อยเราก็มีรูปสวยๆ เอาไว้ดูตอนแก่ หลังจากนั้นพอเราโพสต์รูปขายเท่านั้นแหละ ฟีดแบคกลับมามีแต่พวกหื่นโรคจิตเข้ามาฝากข้อความในเฟซบุ๊กเยอะแยะไปหมด โพสต์ได้ไม่ถึงวันเราก็เลยลบดีกว่า ซึ่งตอนนี้ก็ยังขายไม่ได้เลยค่ะ คือมีติดต่อเข้ามาที่จะซื้อจริงๆ มีบริษัทรายเดียว นอกนั้นก็มีแต่พวกแนวหื่นๆ เพราะรูปเราที่ถ่ายออกไปก็ค่อนข้างแรงเหมือนกัน”
       
       หลายคนมองว่างานในวงการค่อนข้างน้อย แต่มีเงินซื้อบ้านหรูราคาแพง งานนี้เลยหนีไม่พ้นถูกเม้าท์มอยว่าเจ้าตัวไปเป็นเมียน้อยบ่างล่ะ ไปขายตัวบ้างล่ะ ซึ่งเรื่องนี้ “ปูเป้” เคลียร์ว่า…
       “ผ่อนเดือนนึงไม่ถึงแสนหรอกค่ะ เดือนนึงก็ประมาณ 5-6 หมื่น คืออย่างนี้ค่ะบ้านซื้อมาราคามันไม่ถึง 20 ล้านก็อย่างที่บอกไปว่าเรามาตกแต่งเพิ่มเติมที่หลัง และด้วยตอนหลังเวลามันผ่านไปบ้านในโครงการมันขึ้นราคา เราก็เลยขึ้นตามราคาประเมินไม่ได้ซื้อบ้านมาราคานี้”
       
       “ส่วนงานในวงการก็ไม่ได้รับนานแล้ว ไม่ได้รับมาประมาณ 3-4 ปี เพราะเรามาทำธุรกิจกับทางบ้าน ทำธุรกิจขายส่งของเล่นพวกคิตตี้กับคุณแม่ แล้วที่นี้เนี่ยก็มาจับธุรกิจอีกตัวนึงเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออกเสื้อผ้า มาเปิดเสื้อผ้าแบรนด์มิสโคเรีย กับ เอมี่ ไวน์เฮาส์ มี 2 แบรนด์เป็นนำเข้าขจากเกาหลีและญี่ปุ่น แล้วก็กำลังจะทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารเสริมลดความอ้วนจากญี่ปุ่น ชื่อแบรนด์โอริต้า ส่วนผสมก็เอามาจากญี่ปุ่น แต่มาแต่งเติมบางส่วนที่เหมาะกับคนไทย ส่วนผลิตภัณฑ์ออกจะออกประมาณเดือนหน้าแล้ว คือส่วนใหญ่จะมาลุยเรื่องธุรกิจมากกว่าก็คงจะมาทำเต็มตัวเลย”
       
       “และที่คนเม้าท์กันว่าไปเป็นเมียน้อย ไปขายตัว เป้อยากบอกว่าไอ้เรื่องอย่างนี้เรารู้ตัวเรา เพราะว่าถ้าเราเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราก็ต้องรวยกว่านี้นะ แต่เราก็ไม่ค่อยคิดมากนะที่มีแต่คนมองแบบนี้ เพราะวันๆ เราไม่ค่อยเจอคนเยอะ เจอแค่คนเฉพาะกลุ่ม เจอคนที่เราติดต่อธุรกิจ เจอคนที่ร้าน เจอคนในครอบครัว คือถ้าทุกคนรอบตัวทุกคนเข้าใจเรา เราก็จะไม่ซีเรียสกับคนอื่นๆ”
       
       “ต่างคนมันก็ต่างความคิด คือทุกคนมีสิทธิ์คิดว่าใครเป็นอะไรยังไง แต่อย่าไปตัดสินใจคนถ้าเราไม่รู้จักเขาจริงๆ คืออาจมองแค่ภายนอกว่าคนนี้มีถ่ายแบบแนวเซ็กซี่ แต่จริงๆ แล้วเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น คือถ้าไม่รู้จักตัวตนเขาจริงๆ ไม่รู้ว่าชีวิตประจำวันเขาทำอะไร เพราะฉะนั้นก็อย่าตัดสินคนแค่ที่คุณเห็น”
       
       ส่วนงานในวงการ เจ้าตัวบอก ถึงแม้ว่าตอนนี้จะผันตัวไปทำธุรกิจเต็มตัวแล้ว แต่หากมีโอกาส มีบทบาทที่น่าสนใจก็อาจกลับมาเล่นละคร
       “งานละครเรากลัวจะไม่มีเวลา เพราะทุกวันนี้วันนึงเวลาดูแลธุรกิจก็แทบจะไม่พอแล้ว เพราะเราจะต้องดีลกับทางเกาหลีและฮ่องกง นอกจากว่าเพื่อนกันจริงๆ มาชวนหรือว่ามีงานละครที่น่าเล่นจริงๆ ก็อาจจะแบ่งเวลาไปบ้าง แต่ว่าตอนนี้ยังไม่มี ส่วนใหญ่ก็จะมีแต่เป็นดารารับเชิญ ซึ่งเราก็รู้สึกว่ามันยังไม่เต็มที่อ่ะ มันไม่ใช่ในสิ่งที่เราอยากจะเล่น”
       
       “แต่ก็แอบเสียดายนะเพราะเราเกิดจากละคร ใครๆ ก็จำเราได้จากละคร เพราะบางทีเราไปติดต่องานก็มีคนถามว่าเมื่อไหร่จะกลับไปเล่นละคร เราก็ดีใจนะที่คนยังอยากดูยังชอบเราในบทบาทของนักแสดง ก็อยากกลับไปเหมือนกันแต่ว่าขอดูในเรื่องของเวลาด้วย”