วิจัยวัคซีนไข้เลือดออกสำเร็จคาดอีก 2 ปีคนไทยมีโอกาสได้ใช้
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยภายหลังเปิดการประชุมวิชาการวัคซีนแห่งชาติ ครั้งที่ 6 ว่า กรมฯกำลังบรรจุวัคซีนใหม่ที่จำเป็นเพิ่มขึ้น เพื่อลดการป่วยตายของคนไทย ตาม คำแนะนำของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ในคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ โดยจัดทำเป็นโครงการระดับชาติเรียกว่า "โครงการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค" ได้แก่ 1.วัคซีนป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี โรคมะเร็งปากมดลูก 2.วัคซีนป้องกันโรคอุจจาระร่วงในเด็กเล็ก 3.ผลักดันการฉีดวัคซีนคอตีบ และบาดทะยักในผู้ใหญ่เป็นประจำ 10 ปีครั้ง และ 4.ผลักดันให้มีการใช้วัคซีนในกลุ่มผู้ใหญ่ บุคลากรทางการแพทย์ให้มากยิ่งขึ้น ทั้งไข้หวัดใหญ่ และวัคซีนอื่นๆ ที่มีความสำคัญ วัคซีนไข้เลือดออกที่ไทยร่วมวิจัยกับอีก 4 ประเทศและภาคเอกชนนั้น ทราบว่าให้ผลดี กระตุ้นภูมิคุ้มกันไข้เลือดออกได้ 56.5% คาดว่าในอีก 2 ปี ข้างหน้าคนไทยจะมีโอกาสได้ใช้วัคซีนป้องกันไข้เลือดออก ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นเรื่องขอขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดยสามารถป้องกันได้ 4 สายพันธุ์ที่พบการระบาดในไทย
ด้านศ.พญ.อุษา ทิสยากร นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การผลิตวัคซีนไข้เลือดออกต้นแบบเป็น การวิจัยร่วมของ 5 ประเทศ คือ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ซึ่งได้ตีพิมพ์ความสำเร็จครั้งนี้ในวารสารแลนด์แซท (Landsat) ที่เป็นวารสารทางการแพทย์ระดับโลก ถือเป็นความสำเร็จครั้งแรกของโลกที่จะมีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกที่ สามารถพิสูจน์ได้ว่าป้องกันและลดความรุนแรงของโรคได้ ซึ่งจากการทดลองในกลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กอายุ 2-14 ปี กว่า 1 หมื่นราย โดยการฉีดวัคซีนทั้งหมด 3 เข็ม ห่างกัน 6 เดือน และ 12 เดือน พบว่า สามารถป้องกันโรคได้ 56.5% ลดความรุนแรงของโรคได้ 88.5% และป้องกันได้ 4 สายพันธุ์

******************************
ที่มา : ที่มาข่าว:นสพ.คมชัดลึก ไทยรัฐ กรุงเทพธุรกิจ มติชน ASTVผู้จัดการรายวัน
ที่มาภาพ;Internet
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยภายหลังเปิดการประชุมวิชาการวัคซีนแห่งชาติ ครั้งที่ 6 ว่า กรมฯกำลังบรรจุวัคซีนใหม่ที่จำเป็นเพิ่มขึ้น เพื่อลดการป่วยตายของคนไทย ตาม คำแนะนำของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ในคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ โดยจัดทำเป็นโครงการระดับชาติเรียกว่า "โครงการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค" ได้แก่ 1.วัคซีนป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี โรคมะเร็งปากมดลูก 2.วัคซีนป้องกันโรคอุจจาระร่วงในเด็กเล็ก 3.ผลักดันการฉีดวัคซีนคอตีบ และบาดทะยักในผู้ใหญ่เป็นประจำ 10 ปีครั้ง และ 4.ผลักดันให้มีการใช้วัคซีนในกลุ่มผู้ใหญ่ บุคลากรทางการแพทย์ให้มากยิ่งขึ้น ทั้งไข้หวัดใหญ่ และวัคซีนอื่นๆ ที่มีความสำคัญ วัคซีนไข้เลือดออกที่ไทยร่วมวิจัยกับอีก 4 ประเทศและภาคเอกชนนั้น ทราบว่าให้ผลดี กระตุ้นภูมิคุ้มกันไข้เลือดออกได้ 56.5% คาดว่าในอีก 2 ปี ข้างหน้าคนไทยจะมีโอกาสได้ใช้วัคซีนป้องกันไข้เลือดออก ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นเรื่องขอขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดยสามารถป้องกันได้ 4 สายพันธุ์ที่พบการระบาดในไทย
ด้านศ.พญ.อุษา ทิสยากร นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การผลิตวัคซีนไข้เลือดออกต้นแบบเป็น การวิจัยร่วมของ 5 ประเทศ คือ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ซึ่งได้ตีพิมพ์ความสำเร็จครั้งนี้ในวารสารแลนด์แซท (Landsat) ที่เป็นวารสารทางการแพทย์ระดับโลก ถือเป็นความสำเร็จครั้งแรกของโลกที่จะมีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกที่ สามารถพิสูจน์ได้ว่าป้องกันและลดความรุนแรงของโรคได้ ซึ่งจากการทดลองในกลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กอายุ 2-14 ปี กว่า 1 หมื่นราย โดยการฉีดวัคซีนทั้งหมด 3 เข็ม ห่างกัน 6 เดือน และ 12 เดือน พบว่า สามารถป้องกันโรคได้ 56.5% ลดความรุนแรงของโรคได้ 88.5% และป้องกันได้ 4 สายพันธุ์

******************************
ที่มา : ที่มาข่าว:นสพ.คมชัดลึก ไทยรัฐ กรุงเทพธุรกิจ มติชน ASTVผู้จัดการรายวัน
ที่มาภาพ;Internet