สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ว่า ดร.เนฮา พาธัค นักวิจัยจากศูนย์วิจัยสุขภาพสตรี แห่งมหาวิทยาลัยควีน แมรี กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และทีมนักวิทยาศาสตร์จากอังกฤษและสเปน เผยแพร่ผลการศึกษาเรื่อง การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โดยการตรวจตัวอย่างปัสสาวะหาเชื้อไวรัส "เอชพีวี" (Human Papillomavirus) ซึ่งเป็นไวรัสที่ทำให้เกิดหูด อันอาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ ปรากฏว่าผลที่ได้สามารถเทียบเคียงได้กับการตรวจแปปเสมียร์ (Pap Smear Test) หรือการนำตัวอย่างเซลล์เนื้อเยื่อปากมดลูกไปตรวจวิเคราะห์หาเซลล์มะเร็ง โดยงานวิจัยชิ้นนี้ตีพิมพ์ลงในเว็บไซต์วารสารการแพทย์ "บริติช เมดิคอล เจอนัล" (British Medical Journal) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา การวิจัยครั้งนี้ได้จากการวิเคราะห์การศึกษา 14 ชิ้น ที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงที่มี***สัมพันธ์ปกติจำนวน 1,443 คน
การติดเชื้อเอชพีวี เป็นโรคติดต่อทาง***สัมพันธ์ที่มีอัตราการเกิดสูง โดย 80% ของผู้หญิงที่มี***สัมพันธ์ปกติ จะติดเชื้อในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต องค์การอนามัยโลก (ฮู) รายงานว่า เชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกที่คร่าชีวิตผู้หญิงทั่วโลกราว 266,000 คน/ปี ซึ่งอัตราการเสียชีวิตมักมีมากในประเทศยากจน ที่การเข้าถึงกระบวนการตรวจคัดกรองและป้องกันโรคเป็นไปได้ยาก
อย่างไรก็ตาม เฮนรี คิทเชอเนอ ศาสตราจารย์ด้านมะเร็งนรีเวชวิทยา จากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ให้ความเห็นว่า แม้กระทั่งในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างอังกฤษเองก็ตาม อัตราการเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ลดลงต่ำกว่า 80% ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งอาจมีสาเหตุมาจากความไม่สบายใจของคนไข้ ต่อวิธีการตรวจที่รุกล้ำเข้าไปในร่างกาย แม้ในปัจจุบันการตรวจคัดกรองจะกลายเป็นเรื่องที่ค่อนข้างปกติแล้วก็ตาม แต่ปัจจัยด้านอารมณ์ เช่นความอายและความกลัว ยังคงมีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจของคนไข้
การตรวจคัดกรองโดยการตรวจปัสสาวะ จะช่วยทำให้ผู้หญิงกล้าที่จะเข้ารับการตรวจได้อย่างสะดวกใจมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายและความยุ่งยากน้อยกว่าการตรวจแปปเสมียร์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับประเทศยากจน.
ที่มา