ผู้เขียน หัวข้อ: สืบต้นตอ HIV พบระบาดจากคองโกมาเกือบ 100 ปี  (อ่าน 1373 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์
สืบต้นตอ HIV พบระบาดจากคองโกมาเกือบ 100 ปี
« เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2014, 08:02:42 am »


ภาพเชื้อเอชไอวี (สีเขียว) จากกล้องจุลทรรศน์แบบส่องกราดซึ่งเพิ่มจำนวนบนเม็ดเลือดขาว ( CDC/ C. Goldsmith, P. Feorino, E. L. Palmer, W. R. McManus)

        ผลศึกษาพันธุกรรมเชื้อเอชไอวีพบไวรัสก่อโรคเอดส์มีต้นตอการระบาดมาจากคองโคในช่วงคริสตวรรษที่ 1920 โดยการขนส่งทางรถไฟและการค้าประเวณีเป็นเหตุให้เชื้อโรคกระจายไปทั่วทวีปแอฟริกาและระบาดไปทั่วโลกในที่สุด โดยมีผู้ติดเชื้อไปกว่า 75 ล้านคน และในจำนวนั้นเสียชีวิตไปแล้ว 36 ล้านคน
       
       รายงานจากเอเอฟพีเผยว่าทีมนักวิจัยนานาชาติได้ร่วมกันวสืบพันธุกรรมของเชื้อไวรัสเอชไอวีกลุ่มเอ็ม และพบว่าต้นตอของเชื้อไวรัสดังกล่าว “มีความเป็นไปได้สูง” ที่จะอุบัติขึ้นจากกรุงกินชาซาของสาธารณรัฐคองโกเมื่อประมาณปี 1920 โดยไวรัสทำลายระบบภูมิคุ้มมนุษย์ติดต่อจากลิงไพรเมทและลิงไม่มีหางมายังมนุษย์อย่างน้อย 13 ครั้ง แต่มีเพียงครั้งที่อุบัติขึ้นในปีดังกล่าวที่ทำให้เกิดการระบาดไปทั่วโลก
       
       ผลการศึกษาที่รายงานในวารสารไซน์ระบุว่า การติดต่อดังกล่าวที่ทำให้ระบาดต่อไปทั่วโลกนั้น มีปัจจัยช่วยที่พอเหมาะพอดี อาทิ การเติบโตของเมือง การเชื่อมต่อของเส้นทางรถไฟที่มีประสิทธิภาพตามกฎอาณานิคมของเบลเยียม รวมถึงการค้าประเวณี เมื่อรวมปัจจัยต่างๆ แล้วทำให้เห้นภาพว่าเชื้อเอชไอวีอุบัติขึ้นจากกรุงกินชาซาแล้วระบาดไปทั่วโลกระหว่างปี 1920-1950
       
       โอลิเวอร์ ไพบัส (Oliver Pybus) นักวิจัยอาวุโสในโครงการดังกล่าว จากภาควิชาสัตววิทยา มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด กล่าวว่าเป็นครั้งแรกที่ได้วิเคราะห์หลักฐานทั้งหมดเท่าที่มีโดยใช้เทคนิคล่าสุดทางด้านสายวิวัฒนาการเชิงภูมิศาสตร์ (Phylogeography) ทำให้ทีมวิจัยสามารถประเมินเชิงสถิติได้ว่าไวรัสมาจากไหน
       
       “นี่หมายความว่าเราสามารถบอกค่อนข้างมั่นใจว่าเชื้อเอชไอวีเริ่มระบาดที่ไหนและเมื่อไร” ไพบัสกล่าว
       
       นักวิจัยพบว่าปัจจัยหลักที่ทำให้การติดต่อระบาดหลักคือการใช้รถไฟในการคมนาคม ซึ่งช้วยให้ไวรัสจากกลุ่มคนเล็กๆ ที่ที่อยู่ห่างไกลเข้ามาสู่เมืองใหญ่อย่างกินชาซา ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่ดีที่สุดในการเชื่อมต่อเมืองต่างๆ ของอเมริกากลาง
       
       ด้าน นูโน ฟาเรีย (Nuno Faria) จากภาควิชาสัตววิทยา มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ซึ่งเป็นนักวิจัยหลักของรายงานฉบับนี้ อ้างถึงข้อมูลเก่าของอาณานิคมซึ่งบ่งบอกว่า ก่อนสิ้นสุดทศวรรษที่ 1940 มีคนมากกว่า 1 ล้านคนต่อปีที่เดินทางผ่านกรุงกินชาซาด้วยเส้นทางรถไฟ
       
       เมื่อพิจารณาข้อมูลทางพันธุกรรมนักวิทยาศาสตร์ก็เห็นว่า เชื้อไวรัสเอชไอวีได้ระบาดทั่วพื้นที่ซึ่งปัจจุบันคือสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ไปยังเมืองใหญ่อื่นๆ ก่อนต้นทศวรรษ 1950 โดยพื้นที่เป็นศูนยืกลางนี้เชื่อมต่อประเทศในแอฟริกาใต้และแอฟริกาตะวันออก
       
       ฟาเรียกล่าวว่าทีมวิจัยเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในช่วงประกาศเอกราชปี 1960 นั้น ไวรัสได้ระบาดจากคนกลุ่มเล็กๆ ที่ติดเชื้อไปยังประชากรกลุ่มใหญ่ขึ้น จนกระบาดทั่วโลกในที่สุด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางสังคมนั้นยังรวมถึงกลุ่มผู้ค้าประเวณีที่รองรับลูกค้าจำนวนมาก ควบคู่กับปฏิบัติการทางสาธารณสุขเพื่อป้องกันโรคอื่นๆ ที่นำไปสู่การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ซึ่งอาจช่วยกระจายเชื้อเอชไอวีไปสู่การระบาดเต็มรูปแบบ
       
       การรณรงค์เพื่อรักษาประชาชนที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์นำไปสู่ผลลัพธ์ในการใช้เข็มฉีดยาที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ ชี้ให้เห็นอีกเส้นทางการระบาดของเชื้อเอชไอวี และการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีร่วมด้วย ซึ่งมักพบในประชากรชายของคองโกที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
       
       เชื้อเอชไอวีถูกตรวจวิเคราะห์ได้ครั้งแรกเมื่อปี 1981 และการระบาดของโรคเอดส์ก็ขยายตัวนานนับทศวรรษกว่าที่ยาต้านไวรัสขั้นรุนแรงจะถูกผลิตขึ้นมาได้ และระยะเวลาที่ยาวนานนี้ได้เปลี่ยนให้เชื้อไวรัสที่ก่อโรคร้ายแรงถึงชีวิตกลายเป็นโรคเรื้อรังสำหรับผู้ได้รับเชื้อ
       
       อย่างไรก็ดี นักวิจัยกล่าวว่ายังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อเข้าใจถึงความแตกต่างในปัจจัยทางด้านสังคมที่กระตุ้นให้ไวรัสเอชไอวีระบาดอย่างในรูปแบบที่เป็นอยู่