ดร.สุวัชชัย จรัสโสภณ นักกวิจัยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ
“ไขอ้อย” ของเสียโรงงานน้ำตาลทำอะไรได้มากกว่าที่คิด!! นักวิจัยนาโนเทคหยิบความสามารถ 2 สารทรงคุณค่า "สารโพลีโคซานอล - ไฟโตเสตอรอล" พัฒนาเป็นอาหารเสริมเพื่อคนไทย ลดคลอเรสเตอรอล ลดเบาหวาน ต้านมะเร็ง เปลี่ยนขยะปีละ 2 ล้านตันเป็นเม็ดเงินด้วยเทคนิคการสกัดแบบพิเศษ
นอกจากกากอ้อยแล้ว โรงงานน้ำตาลยังมีของเหลือทิ้งอีกอย่างหนึ่งที่มีปริมาณต่อปีมากถึง 2 ล้านตัน สิ่งนั้นคือ "กากหม้อกรอง" กากส่วนที่เหลือจากกระบวนการกรองใสเพื่อทำน้ำตาล ขยะไร้ประโยชน์จากโรงงานน้ำตาลที่ทำได้ดีที่สุด คือผันหน้าที่ไปเป็นปุ๋ยอินทรีย์ และแย่ที่สุดคือเป็นขยะรอวันทิ้ง
ดร.สุวัชชัย จรัสโสภณ นักวิจัยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ หนึ่งในนักวิจัยผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์จากการสกัดไขอ้อยในกากหม้อกรอง ให้ข้อมูลว่า ปริมาณการในอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายในประเทศต่อปี มีปริมาณมหาศาล มีการใช้อ้อย 104 ล้านตัน ผลิตน้ำตาลได้น้ำตาลทราย 28 ล้านตัน และเหลือกากหม้อกรองเป็นของเสียจากโรงงานรวม 2 ล้านตันต่อปี
“ภาคอุตสาหกรรมตระหนักถึงปริมาณของเสียที่มากและมีความหวังว่าภายในกากหม้อกรองอาจมีประโยชน์บางอย่างหลงเหลือที่จะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ต่อ จึงเข้ามาปรึกษากับนาโนเทคเพื่อแก้ไขปัญหา แล้วสิ่งที่พบจากการศึกษาคุณสมบัติของกากหม้อกรอง ก็ทำให้เรารู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเราอยู่ในสำนวนที่ว่า "ใกล้เกลือกินด่าง" มาตลอด” ดร.สุวัชชัย เผย
ด้าน รศ.ดร.วันวิสาห์ สกลภาพ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาธรรมศาสตร์ เผยกับทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ถึงการผลิตไขอ้อยจากกากหม้อกรองเบื้องต้นว่า ในกากหม้อกรองประกอบไปด้วย กากใย 15-30%, โปรตีน 15-30%, น้ำตาลกลูโคส 5-15%, แร่ธาตุและไขอ้อย 5-15%
รศ.ดร. วันวิสาห์ ระบุว่า ความหลากหลายเป็นสมบัติทางกายภาพของไขอ้อยที่มีลักษณะคล้ายไขที่ใช้ในอุตสาหกรรมปัจจุบัน นักวิจัยจึงมุ่งศึกษาถึงคุณสมบัติของไขอ้อยเพื่อหาแนวทางในการนำมาใช้ประโยชน์ โดยเริ่มจากการใช้เทคโนโลยีการสกัดด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ที่อยู่ในสภาวะเหนือจุดวิกฤต (Supercritical fluid extraction CO2) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการสกัดที่ทันสมัยและปลอดภัยหากนำมาใช้ในการบริโภคเพื่อสกัดไขอ้อยจากกากหม้อกรอง
“จริงๆ แล้วเทคโนโลยีการสกัดไขอ้อยสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การนำไปใช้และงบประมาณ ทั้งวิธีการสกัดด้วยตัวทำละลายที่นิยมใช้เฮกเซนเป็นตัวทำละลาย หรือเทคโนโลยีการสกัดแบบการสกัดด้วยของไหลที่อยู่ในสภาวะเหนือจุดวิกฤต ที่นิยมใช้ไอโซโพรพานอลเป็นตัวทำละลาย ซึ่งทั้ง 2 วิธีนี้เป็นการใช้สารเคมีเป็นตัวทำละลายจึงไม่เหมาะกับการนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ที่เราต้องบริโภค การสกัดโดยใช้คาร์บอนไดออกไซด์ที่สภาวะเหนือจุดวิกฤตจึงเป็นวิธีที่เหมาะสม รศ.ดร. วันวิสาห์ อธิบาย
"สิ่งหนึ่งที่ทำให้การทดลองยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก เนื่องจากอุปกรณ์หรือโรงงานต้นแบบการสกัดไขอ้อยยังต้องใช้งบประมาณที่ค่อนข้างสูง" รศ.ดร. วันวิสาห์ระบุ
ทางด้าน ดร.สุวัชชัย กล่าวว่า เขาได้นำไขอ้อยมาสกัดแยกอีกครั้งหนึ่งและพบว่าภายในไขอ้อยอุดมไปด้วยสาร โพลีโคซานอล (Policosanol) และไฟโตเสตอรอล (Phytosterols) ที่มีกลไกการออกฤทธิ์และแสดงผลที่ดีต่อสุขภาพ เมื่อทำการทดลองในหนูทดลองทำให้เกิดแนวคิดในการนำมาพัฒนาเพื่อเป็นอาหารเสริมในอนาคต
ดร.สุวัชชัย อธิบายว่า โพลิโคซานอลเป็นกรดไขมันแอลกอฮอล์สายยาวที่สกัดได้จากไขมันพืช ที่มีกลไกการทำงานในการเข้าไปยับยั้งการสังเคราะห์คลอเรสเตอรอล ส่งผลให้ปริมาณโคเลสเตอรอลลดลง ช่วยสร้างไขมันดี ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ ลดความเสี่ยงภาวะการอุดตันของเกร็ดเลือดได้ถึง 50% ป้องกันภาวะความหนาตัวของผนังหลอดเลือด ฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของหัวใจและตับ ไม่เป็นพิษต่อเซลล์ร่างกายมหรือเซลล์สืบพันธุ์
“ส่วนไฟโตเสตอรอลหรือสเตอรอลที่ได้จากไขมันพืช ธัญญาหาร ผลไม้และผัก ที่มีโครงสร้างคล้ายกับคลอเลสเตอรอล แตกต่างกันที่ตำแหน่งและปริมาณของโซ่กิ่ง ที่มีกลไกการทำงานช่วยให้การดูดซึมคลอเรสเตอรอลเข้าสู่ปริมาณร่างกายทำได้น้อยลง เป็นผลให้ระดับคลอเรสเตอรอลลดลง ช่วยต้านการอักเสบ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดเบาหวาน ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งและโรคไขมันในเลือดสูง” ดร.สุวัชชัย เผยถึงสรรพคุณของไฟโตเสตอรอลแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์
ดร.สุวัชชัย กล่าวว่า การนำโพลิโคซานอลและไฟโตเสตอรอลมาผลิตเป็นอาหารเสริม เพื่อช่วยแก้ปัญหาคลอเรสเตอรอล ไม่ใช่เรื่องใหม่ของโลกแต่เป็นเรื่องใหม่ของไทย เพราะอาหารเสริมในลักษณะนี้มีวางจำหน่ายที่สหรัฐฯ ในราคาที่สูงมาก ซึ่งในขณะนี้เราก็ทำได้เช่นกัน แต่ยังอยู่ในการทดสอบในห้องปฏิบัติการ ในอนาคตอันใกล้หากทำสำเร็จคนไทยจะมีโอกาสได้ใช้อาหารเสริมที่มีราคาสมเหตุสมผล และอาจนำไปสู่การพัฒนาเพื่อเป็นสูตรยาสำหรับผู้ป่วยไขมันในเลือดสูงต่อไป
"อาจเรียกว่าเป็นความหวังของคนไทยก็ได้ ที่จะได้ใช้อาหารเสริมลดคลอเรสเตอรอล จากไขอ้อย จากกากอ้อยเหลือทิ้ง ที่หลายคนคิดว่ามันไม่มีประโยชน์ ผมจะพยายามผลักดันให้งานวิจัยเสร็จโดยเร็วและอยู่ในช่วงราคาที่เหมาะสม ซึ่งในขณะนี้สำเร็จไปแล้ว 60%" ดร.สุวัชชัยเผยกับทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์
ผังกระบวนการสกัดไขอ้อยด้วยคาร์บอนไดออกไซด์เหนือจุดวิกฤต
แบบจำลองรถสกัดไขอ้อยเคลื่อนที่
รศ.ดร.วันวิสาห์ สกลภาพ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาธรรมศาสตร์
