ผู้เขียน หัวข้อ: แพทยสภาไม่เปิดหลักสูตรศัลยกรรมเสริมงาม แต่ตั้งอนุ กก.ทำหลักเกณฑ์คุมแทน  (อ่าน 385 ครั้ง)

ออฟไลน์ Por-MedTech

  • Global Moderator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 1192
    • อีเมล์
แพทยสภาไม่เปิดหลักสูตรศัลยกรรมเสริมงาม แต่ตั้งอนุ กก.ทำหลักเกณฑ์คุมแทน



แพทยสภาตั้งอนุกรรมการฯ จัดทำหลักเกณฑ์ควบคุมแพทย์ทำศัลยกรรมเสริมความงาม หลังพบปัญหามาก เตรียมนำหลักเกณฑต่างประเทศพิจารณา ย้ำแม้เป็นเรื่องเร่งด่วน แต่ต้องทำด้วยความรอบคอบ หวั่นกลายเป็นการจำกัดสิทธิแพทย์ ฟ้องศาลปกครองภายหลัง ส่วนกรณีแพทย์ 840 คน เข้าชื่อขอให้ออกหลักสูตรอบรมเสริมความงาม ชี้ชัดไม่ใช่หน้าที่แพทยสภา

นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการแพทยสภาที่ผ่านมาได้หารือถึงกรณีแพทย์ 840 คน ซึ่งได้เข้าชื่อเพื่อขอให้แพทยสภาพิจารณาอนุมัติเปิดให้มีการอบรมหลักสูตรศัลยกรรมเสริมความงามเป็นรายหัตถการ โดยที่ประชุมเห็นว่าการเปิดอบรมหลักสูตรเป็นเรื่องที่แพทยสภาทำไม่ได้ ต้องให้ทางผู้เชี่ยวชาญหรือราชวิทยาลัยเป็นผู้ออกหลักสูตรอบรม แต่ทั้งนี้การทำศัลยกรรมเสริมความงามยอมรับว่าปัจจุบันมีปัญหาค่อนข้างมาก ดังนั้นแพทยสภาจึงจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการฯ ขึ้นมา 1 ชุด เพื่อพิจารณาจัดทำหลักเกณฑ์เพื่อควบคุม โดยมีตนเป็นประธาน

ทั้งนี้การจัดทำหลักเกณฑ์เพื่อกำหนดการทำศัลยกรรมเสริมความงามนั้น ที่ผ่านมาได้เคยมีการพูดคุยเรื่องนี้ในระดับประเทศอาเซียนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ประเทศสิงค์โปร มาเลเซีย และเวียดนาม ต่างก็ประสบปัญหานี้ โดยแต่ละประเทศต่างมีมาตรการในการควบคุมเพื่อแก้ปัญหา

ดังนั้นแพทยสภาจะนำหลักเกณฑ์การควบคุมจากประเทศต่างๆ มาศึกษาและเปรียบเทียบเพื่อนำมาปรับใช้ในการออกหลักเกณฑ์การควบคุมสำหรับประเทศไทย อย่างเช่น แพทย์ที่จะให้การดูแลผิวหนังต้องมีความรู้ขั้นไหน ต้องอบรมอะไรมาบ้าง แพทย์ที่จะทำเสริมจมูก ผ่าตา หรือแปลงเพศได้นั้น ต้องผ่านการฝึกอบรมอย่างไร และต้องมีระดับความรู้และประสบการณ์เท่าไหรจึงจะให้บริการ รวมไปถึงวางหลักเกณฑ์บังคับ เช่น การดูดไขมันจะกำหนดให้ทำเฉพาะที่โรงพยาบาลเท่านั้น เพราะที่ผ่านมามีกรณีการเสียชีวิตที่คลินิกเกิดขึ้น ทั้งหมดนี้เพื่อให้การทำศัลยกรรมเสริมความงามในประเทศมีมาตรฐานและความปลอดภัยเพิ่มขึ้น   

“ที่ผ่านมาเราไม่มีหลักเกณฑ์ควบคุมการทำศัลยกรรมเสริมความงาม หมอจบใหม่ก็ผ่าตัดเสริมความงามได้ บางคนแค่ไปอบรมต่างประเทศเพียงแค่ 7 วัน ก็มาทำแล้ว และเมื่อเกิดปัญหาก็แก้ไขไม่ได้ ทำให้ประชาชนเกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ดังนั้นจึงควรมีการวางมาตรฐานหลักเกณฑ์ ซึ่งประเทศในกลุ่มอาเซียนต่างมีหลักเกณฑ์เพื่อควบคุม ไม่เพียงดูแลเฉพาะคนไทยแต่รวมถึงชาวต่างชาติที่เข้ามารับบริการในประเทศไทย” นายกแพทยสภา กล่าวและว่า ที่ผ่านมาปัญหาจากการทำศัลยกรรมเสริมความงามมีปัญหามาก มีบางส่วนที่ร้องเข้ามายังแพทยสภาและมีบางส่วนที่สามารถตกลงกันได้

นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า แม้ว่าเรื่องนี้แพทยสภามองว่าเป็นปัญหาเร่งด่วน แต่ต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ จะรีบทำหลักเกณฑ์คงไม่ได้ เพราะต้องมีการพูดคุยกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง การศึกษาตามหลักวิชาการ รวมไปถึงการเปรียบเทียบหลักเกณฑ์ในต่างประเทศ และที่สำคัญคือต้องมีการประชาพิจารณ์ความเห็นด้วย เพราะไม่เช่นนั้นแพทยสภาอาจถูกกล่าวหาว่าไปจำกัดสิทธิของแพทย์ได้ และอาจถูกฟ้องต่อศาลปกครอง จึงต้องทำด้วยความรอบคอบ.






**********************************************
ที่มา : http://www.hfocus.org/home