ผู้เขียน หัวข้อ: เชียร์ สนช.เร่งคลอด กม.คุมตลาดนมผง สะกัดกั้นเด็กไทยตกเป็นเหยื่อนมผง  (อ่าน 2344 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์
ภาคประชาชน-ดารา เชียร์ สนช.ผ่านโค้งสุดท้ายคลอดกฎหมายคุมตลาดนมผง ทำสังคมไทยให้เป็นสังคมนมแม่ สะกัดกั้นเด็กไทยตกเป็นเหยื่อนมผง ชี้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดง ที่รอมากว่า 30 ปี









นางสาวศศิธร วัฒนกุล

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2560 นางสาวศศิธร วัฒนกุล หรือลอร่า ดารา-พิธีกรชื่อดัง กล่าวถึงกรณีที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจาณาร่าง พ.ร.บ.ควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก พ.ศ.....ในชั้นกรรมาธิการและจะเข้าสู่การพิจารณาจากสภาในวาระ 3 ภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้ว่า ในฐานะที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่มาจนครบ 3 ปี ขอยืนยันว่านมแม่เป็นอาหารที่วิเศษที่สุด ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน สร้างพัฒนาการที่ดีให้ลูก ดังนั้นต้องมองให้ออกว่าเด็กช่วงวัย 1-3 ขวบต้องการอาหารประเภทไหน

การที่บอกว่านมแม่กินได้แค่ 1 ปี หลังจากนั้นนมแม่จะหมดประโยชน์หรือไม่เหมาะสมกับเด็ก ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะหลัง1ปี เด็กกินอาหารตามวัยเป็นหลัก และกินนมเป็นอาหารเสริม ดังนั้นสารอาหารจากนมแม่ก็ถูกปรับให้เหมาะสมกับเด็กในช่วงวัยนี้

อย่างไรก็ตาม ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองต้องปกป้องคุณแม่มือใหม่ ต้องช่วยคนกลุ่มนี้ เด็กแรกเกิด1-3 ขวบ ทุกช่วงวัยสำคัญไม่แพ้กัน เขาค่อนข้างต้องการความปลอดภัย ต้องการความชัดเจน เขาไม่ต้องการอะไรที่มันเป็นสื่อสีเทา มีสิ่งซ้อนเร้นแอบแฝง เชื่อมโยงกับนมผง หรือสร้างความจงรักภักดีกับยี่ห้อนมผง

“อย่าลืมว่าธุรกิจนมผงมีการตลาดแอบแฝง มีเทคนิคการขายสารพัดรูปแบบ ซึ่งร่าง พ.ร.บ.นี้ไม่ได้สุดโต่ง แต่เพื่อช่วยปกป้องคุ้มครองแม่และเด็กที่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์นมผงจากการส่งเสริมการตลาดที่ขาดจริยธรรม ซึ่งเขาไม่ได้ห้ามขาย แต่ขอแค่ว่าคุณห้ามโฆษณาส่งเสริมการตลาดนมผง หรือควรโฆษณาให้เป็นไปอย่างเฉพาะด้าน  กฎหมายนี้มีปัญหาเฉพาะกับคนที่เสียผลประโยชน์เท่านั้น จึงขอฝากความหวังไว้กับ สนช.ให้กล้าหาญ เข้มแข็ง เห็นแก่เด็กๆ และคุณแม่มือใหม่ ทำให้สังคมไทยเป็นสังคมนมแม่เป็นตัวอย่างให้กับนานาประเทศ โดยดึงให้ภาคธุรกิจอยู่ถูกที่ถูกทาง ถูกเวลา ธุรกิจนมผงต้องทำตามกรอบกติกาที่ถูกต้อง” นางสาวศศิธร กล่าว

นายอุดม เสถียรภาพงษ์ แกนนำเครือข่ายองค์กรสุขภาวะอย่างยั่งยืน กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้จำเป็นต้องออกมาคุ้มครองเด็กๆ ซึ่งไม่ได้ปกป้องเฉพาะการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เท่านั้น แต่เป็นการคุ้มครองแม่ให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่เกินจริง และได้จากบุคลากรทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือ ซึ่งจำเป็นต้องควบคุมโฆษณาและการส่งเสริมการตลาดของนมผสม ดังนั้นแม่ที่จำเป็นก็ยังหาซื้อได้ แต่ต้องมีข้อมูล องค์ความรู้ที่แม่ทั้งหลายควรรู้ เนื่องจาก 30-40 ปีที่ผ่านมา เราถูกบริษัทนมผงทำให้เกิดความเข้าใจผิด ใช้คนที่มีอิทธิพลทางความคิดเป็นเครื่องมือ เช่น บุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล ชักจูงใจแม่ให้คล้อยตาม เปลี่ยนความคิดให้เห็นว่านมผงเป็นนมที่ดีกว่านมแม่

“คุณขายได้แต่คุณต้องไม่เชียร์ ไม่บิดเบือน ไม่โอ้อวด ไม่เกิดจริง ไม่ปิดกั้น ต้องมีข้อมูลที่ถูกต้อง ต้องไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ดังนั้นผู้ใหญ่ต้องเลือกที่จะปกป้องสิทธิเด็ก สนช.ต้องกล้าหาญเดินหน้าร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เพื่อสะกัดกั้นเด็กไทยตกเป็นเหยื่อนมผง” นายอุดม กล่าว

นางสาวอัปสร กฤษณะสมิต ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มีงานวิจัยจากบุคลากรทางการแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งในและต่างประเทศว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ไม่มีอะไรมาทดแทนได้ สอดคล้องกับ พ.ร.บ.ฉบับนี้จะแยกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทำไมเด็กควรได้รับนมแม่ ความสำคัญในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และจะไม่เอาความเชื่อผิดๆ มาใส่หัวคุณแม่ และเพื่อไม่ให้สังคมไทยเกิดความเข้าใจผิดอีกต่อไป





ที่มา : https://www.hfocus.org/content/2017/03/13666