2โจรชิงทรัพย์ร้านของชำยิงเจ้าของเจ็บ
2โจรโหด ชิงทรัพย์ร้านขายของชำ ชักลูกซองยิงเจ้าของร้านบาดเจ็บสาหัส ก่อนกวาดเงินสด ทรัพย์แกว่า 4 หมื่นบาท หนีลอยนวล
วันนี้ (4 ส.ค. ) เมื่อเวลา 15.40 น. พ.ต.ท.วีระศักดิ์ ศรีสมัย พงส.(สบ 3) สน.แสมดำ รับแจ้งเหตุชิงทรัพย์มีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บภายในร้านขายของชำไม่มีชื่อ ตั้งอยู่เลขที่ 78/545 หมู่บ้านอมรชัย 4 ถนนพระราม 2 ซอย 75 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม.จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจและฝ่ายสืบสวน สน.แสมดำ ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้นครึ่ง จำนวน 1 คูหา ชั้นล่างเปิดเป็นร้านค้าขายของชำ เจ้าหน้าที่พบกองเลือดสาดกระเซ็นทั่วบริเวณ ตั้งแต่ในร้านยาวออกมาถึงด้านหน้าร้าน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเจ้าของร้านชื่อ นางสุชาวดี ประเสริฐ อายุ 43 ปี ถูกยิงด้วยกระสุนปืนลูกซองเข้าที่ข้อพับแขนซ้ายจนเอ็นขาด เบื้องต้นมีพลเมืองดีนำตัวส่ง รพ.นครธน
ส่วนสภาพภายในร้านพบร่องรอยการต่อสู้และรื้อค้นจนข้าวของกระจัดกระจาย นอกจากนี้ยังพบหัวกระสุนลูกปรายฝังอยู่ตามสินค้าต่างๆของร้านจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐาน จากการสอบสวน ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ขี่รถ จยย.ยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีน้ำตาลแดง ทะเบียนจำได้แค่ตัวเลข 161 ไม่ทราบหมวดอักษรและหมวดจังหวัด เข้ามาที่ร้านคนเจ็บแล้วก่อเหตุชิงทรัพย์ทำร้ายเจ้าของร้านดังกล่าว
ต่อมา นายพงศกร ประเสริฐ อายุ 42 ปี สามีของผู้ได้รับบาดเจ็บเดินทางมาดูที่เกิดเหตุพร้อมให้การว่า ปัจจุบันตนเป็นช่างกลึง นางสุชาวดี เฝ้าร้านขายของเพียงลำพังเท่านั้น ที่ผ่านมาไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนทรัพย์สินที่คนร้ายนำติดตัวไปประกอบด้วยสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท ที่นางสุภาวดี สวมติดคอเป็นประจำ และเงินสดอีก 20,000 บาท ที่เก็บอยู่ในลิ้นชักเพื่อรอชำระค่าสินค้า รวมทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปประมาณ 45,000 บาท
พ.ต.ท.วีระศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายน่าจะมาดูลาดเลาหลายครั้งแล้ว จึงทราบว่ามีคนขายของอยู่คนเดียว และน่าจะเป็นคนในพื้นที่ด้วยที่รู้เส้นทางหลบหนี จากการตรวจสอบไปที่โรงพยาบาลทราบว่าผู้ได้รับบาดเจ็บอาการปลอดภัยแล้วแพทย์อยู่ระหว่างทำการผ่าตัดต่อเส้นเอ็นที่ขาด อย่างไรก็ตามจะเดินทางไปสอบปากคำที่โรงพยาบาลอีกครั้งรวมทั้งประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนให้เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้เคียงเพื่อหาเบาะแสติดตามตัวคนร้ายทั้ง 2 ราย มาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วนต่อไป.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ Dailynews
