ผู้เขียน หัวข้อ: เคมีลำไส้ต้านแบคทีเรียดื้อยา  (อ่าน 551 ครั้ง)

ออฟไลน์ beebee

  • medtech ปี เอก
  • ******
  • กระทู้: 1550
    • อีเมล์
เคมีลำไส้ต้านแบคทีเรียดื้อยา
« เมื่อ: สิงหาคม 28, 2011, 03:27:40 pm »
เคมีลำไส้ต้านแบคทีเรียดื้อยา
โดย sunanta | วันที่ 23 สิงหาคม 2554

 

ทีมนักวิจัยอเมริกันและอังกฤษค้นพบเคมีจากเซลล์ลำไส้สามารถทำให้พิษแบคทีเรียดื้อยา Clostridium difficile สิ้นฤทธิ์ ปูทางสู่การป้องกันและปราบเชื้อร้ายนี้ในอนาคต

เคมีลำไส้ต้านแบคทีเรียดื้อยา

นิตยสารเนเจอร์ เมดิซีน รายงานความคืบหน้าใหม่ของนักวิจัยทีมศาสตราจารย์ทอร์ ซาวิดจ์ แห่งมหาวิทยาลัยเทกซัสในสหรัฐ ร่วมกับทีมงานจากมหาวิทยาลัยเคส เวสเทิร์น รีเสิร์ฟ ในอังกฤษ ที่พบวิธีที่เซลล์ในลำไส้ต้านสารพิษจากแบคทีเรียดื้อยาในโรงพยาบาล ซึ่งอาจใช้ต่อกรกับเชื้อดังกล่าวได้ในอนาคต โดยพบว่าเคมีจากเซลล์ ลำไส้ชื่อ GSNO (S-nitrosoglutathione) สามารถทำให้พิษจากแบคทีเรีย Clostridium difficile (C. difficile) ที่เป็นสาเหตุของอาการอักเสบและท้องร่วงหมดฤทธิ์ได้

ทั้งนี้ C. difficile เป็นหนึ่งในแบคทีเรียจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในลำไส้มนุษย์โดยไม่สร้างปัญหาต่อสุขภาพ แต่การใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดแบคทีเรียชนิดอื่นๆ ในลำไส้มีผลทำให้ C. difficile เจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วและแพร่กระจายออกจากลำไส้ หลังจากเข้าสู่เซลล์เยื่อบุลำไส้จะผลิตสารพิษออกมาเป็นปริมาณมาก ซึ่งส่งผลทำลายเซลล์และทำให้เกิดอาการอักเสบ รวมถึงอาการตะคริว ไข้ ท้องร่วง และถ่ายเป็นเลือด

อย่างไรก็ดี เคมี GSNO กำลังเป็นความหวังที่จะปราบแบคทีเรียดังกล่าวได้ เมื่อพบว่าเคมี GSNO ที่เซลล์ลำไส้ปล่อยออกมาโต้ตอบอาการอักเสบสามารถเข้าไปยึดติดกับพิษและป้องกันไม่ให้พิษทำลายเซลล์ฉีกขาด ทำให้พิษไม่สามารถเข้าสู่เซลล์ได้ การทดลองในหนูพบว่า หนูที่ได้รับเคมีดังกล่าวทางปากมีอัตรารอดชีวิตสูงขึ้น เตรียมทำการทดลองทางคลินิกเพิ่ม ซึ่งอาจปูทางสู่การป้องกันและต่อสู้กับเชื้อดื้อยา C. difficile ได้แม้ยังต้องใช้เวลาอีกนาน

ปัจจุบันเชื้อ C. difficile ถือเป็นปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งในโรงพยาบาลต่างๆ เพราะสามารถแพร่กระจายและทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากต้องรับประทานยาปฏิชีวนะหรือทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง โดยโรงพยาบาลหลายแห่งของอังกฤษยังคงมีผู้ติดเชื้อสูงแม้จะมีจำนวนลดลงแล้ว เช่น ในปี 2010-2011 มีผู้ติดเชื้อ C. difficile 10,414 ราย ลดลงจาก 33,442 ราย ในปี 2007-2008

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์โลกวันนี้