ผู้เขียน หัวข้อ: ฟังความอีกด้าน เจ้าอาวาส-ไวยาวัจกร แฉพฤติกรรม "หลวงพี่ย้อย" ไม่ธรรมดา  (อ่าน 220 ครั้ง)

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 2325
    • อีเมล์



เจ้าอาวาส-ไวยาวัจกร วัดชื่อดังเมืองช้างกลางเตือน "พระย้อย "หยุดพฤติกรรม หากไม่มีหลักฐานชัดเจน แฉพฤติกรรมไม่ธรรมดา พัวพันสีกา ถูกชาวบ้านจับตา

กรณีกระแสข่าวเหตุการณ์คลิปเสียงที่ถูกระบุว่าคล้ายกับพระหนุ่มนักเทศน์ชื่อดังที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มีความพัวพันกับสีการายหนึ่ง จนกลายเป็นข่าวที่ถูกให้ความสนใจอย่างมาก ขณะที่พระพงศกร หรือ พระกาโตะ ได้ออกมาชี้แจง ก่อนประกาศยุติการให้ข้อมูลเพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวน

ด้าน พระย้อย หรือ พระธนวัฒน์ จักกวโร เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้ร่ำไห้อย่างหนัก หลังจากที่ พระครูกาแก้ว เจ้าอาวาสวัดหน้าพระลาน ที่พระย้อยจำพรรษาอยู่ได้ สั่งให้พระย้อยกลับต้นสังกัดในอำเภอฉวาง ก่อนที่จะให้ความเมตตาให้จำวัดอยู่ต่อได้ แต่อุปัชฌาต้นสังกัดต้องออกหนังสือรับรอง และต้องควบคุมความประพฤติให้เป็นไปตามวินัยสงฆ์

ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (30 เม.ย.) ที่วัดราษฎร์บำรุง หมู่ 2 ตำบลสวนขันธ์ อำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช พระครูสัจจะประชานุกูล เจ้าอาวาสวัด ได้เปิดเผยข้อมูลและเรียกร้องให้พระย้อยยุติพฤติกรรมโดยที่ไม่มีข้อมูลข้อเท็จจริงเพียงพอ

เจ้าอาวาสวัด ยังได้เล่าถึงปูมหลังของพระย้อยในขณะที่จำพรรษาที่วัดแห่งนี้ว่า พระย้อยได้เข้ามาขอพำนักในวัดนี้เมื่อปี 2563 ได้อนุญาตให้อยู่และอ้างว่าจะหาเจ้าภาพมาทอดกฐิน แต่พฤติกรรมที่อยู่นั้นกลับมีสีกาเข้ามาพัวพันอย่างมาก

และได้นำเงินกฐินไป 6 หมื่นบาทเพื่อนำไปเป็นค้าจ้างนักแสดงที่มาในงาน ซึ่งทางวัดก็ได้ให้ไป พฤติการณ์ที่เขาทำไม่เหมาะไม่สวยไม่สมควร ไวยาวัจกรวัดเคยตักเตือนแล้วแสดงออกความไม่พอใจหลายเรื่อง อาตมาขอให้พระย้อยยุติอย่าใส่ร้ายผู้อื่น สิ่งที่ไม่ดีไม่งามก็ให้หยุดเสีย

อีกรายที่เคยเป็นคู่กรณี พระย้อย คือ นายชัยสิทธิ์ ผุดผาด ไวยาวัจกรวัดราษฎร์บำรุง ยืนยันว่าเมื่อปี 2563 เขามาอยู่ที่วัด แต่ด้วยความคิดของตนเองแล้วนั้นในฐานะเป็นไวยาวัจกรวัด ท่านได้มีสีกา ซึ่งขอไม่เอื่ยชื่อ ผู้หญิงคนนั้นจะมารับเกือบทุกวัน แล้วกลับมาส่งยามวิกาลดึกดื่น

ส่วนตนได้ทำหน้าที่ไปคือการเตือนว่าชาวบ้านเขาจับตามอง และไม่เหมาะสมกับสมณเพศ เมื่อเตือนไปพระย้อยโกรธด่าทอตนเองผ่านเฟซบุ๊ก หลังจากนั้นตนเห็นว่าพูดคุยไม่ได้ หลังจากนั้นพระย้อยได้เก็บของหนีหายไปตั้งแต่นั้น จนกระทั่งมาพบเป็นข่าวอีกครั้ง


"ส่วนตัวในฐานะที่ผมเป็นครู พอวิเคราะห์ได้ว่าในประวัติที่เป็นมาแบบนี้การทำให้ผู้อื่นเสียหาย อยากขอร้องให้เห็นแก่พระสงฆ์ อย่างน้อยที่สุดเมื่อความจริงปรากฎและได้ทำไปอย่างนี้มันกระทบกระเทือนไปหมด จากที่เคยมาอยู่ที่นี่เป็นตัวชี้วัดได้ว่าพฤติกรรมเป็นมาอย่างไรขอร้องให้หยุด" ไวยาวัจกร กล่าว

เช่นเดียวกับ พระสมคิด ปิยวรรโณ พระลูกวัดราษฎร์บำรุง ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในฐานะที่อยู่กุฏิติดกัน ว่าผู้หญิงที่เข้ามาพัวพันกับพระย้อยนั้นไม่ทราบว่าเป็นญาติฝ่ายไหนหรือไม่ แต่อ้างว่าเป็นสีกา บ้างก็ว่าเป็นครูผู้หญิงคนนั้นมารับมาส่งตอนดึกๆ เห็นเพราะอยู่กุฏิตรงข้ามเห็นประจำ ในทางสงฆ์นี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมไม่สมควรอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านย่านละแวกวัดยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมภายหลังว่า ขอให้คณะสงฆ์และผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบให้รอบด้าน ทั้งพระกาโตะที่ถูกกล่าวหา และพระย้อยที่มีพฤติกรรมเป็นประจักษ์ชาวบ้านย่านนี้รู้ดี

ก่อนหน้าที่จะมาจำวัดที่นี่ เคยจำวัดโคกหาดมาก่อนมีปัญหาในข้อครหาสีกา และปัญหาพฤติกรรมส่วนตัว จนเก็บผ้าออกจากวัด และมาเกิดปัญหาที่วัดราษฎร์บำรุงอีกครั้ง ก่อนที่จะหนีออกไปโดยไม่แจ้งเจ้าอาวาสที่จำพรรษาอยู่ แล้วไปอยู่ที่วัดหน้าพระลานจนมีประเด็นเกิดขึ้น

ส่วนความเคลื่อนไหวของการตั้งคณะกรรมการสอบสวน พระพงศกร หรือ พระกาโตะ นั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการชั้นแรก โดยทาง พระครูสิริธรรมาภิรัตน์ เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ฝ่ายธรรมยุติ ได้สั่งการให้เจ้าคณะอำเภอฉวางดำเนินการสอบหาข้อเท็จจริงในเบื้องต้น

ขั้นตอนหลังจากนี้ทางเจ้าคณะอำเภอและเจ้าคณะตำบลจะรายงานผลการสอบหาข้อเท็จจริงพร้อมทั้งข้อเสนอในการพิจารณา และหลังจากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการจัดตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งเป็นอำนาจเต็มของเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช


ที่มา...https://www.sanook.com/news/8554658/