ผู้เขียน หัวข้อ: บทสรุปพ.ค.เลือด จาก"ฮิวแมนไรต์" รบ.สลายม็อบแดง "จมดิ่งสู่หายนะ"  (อ่าน 2193 ครั้ง)

ออฟไลน์ vt

  • medtech ปี เอก
  • ******
  • กระทู้: 530
    • อีเมล์




"ฮิวแมนไรต์วอตช์" กลุ่มสิทธิมนุษยชนสากล องค์กรระดับโลกที่ติดตามความเคลื่อนไหวการละเมิดสิทธิมนุษยชนทั่วโลก เพื่อวางแนวทางป้องกันและหาทางแก้ไขเพื่อมิให้เกิดปัญหาซ้ำซากขึ้นมาอีก

สำหรับเมืองไทยแล้ว "ฮิวแมนไรต์วอตช์" เข้ามามีบทบาทเสนอแนะและรายงานเหตุการณ์รุนแรงหลายต่อหลายครั้ง

ล่าสุดที่ "ฮิวแมนไรต์วอตช์" ใช้เวลาเกือบ 1 ปี รวบรวมข้อมูลต่างๆ ก่อนสรุปเป็นรายงานกรณีรัฐบาลสลายม็อบแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553

เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 91 ราย บาดเจ็บกว่า 2 พันคน นับเป็นความสูญเสียที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

"ฮิวแมนไรต์วอตช์" และองค์กรนานาชาติ ยังสนใจกรณีนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากเกิดเหตุฆ่าหมู่ 6 ศพในวัดปทุมวนาราม ซึ่งเป็นเขตอภัยทาน โดยเฉพาะกรณี "น้องเกด"น.ส.กมนเกด อัคฮาด อาสาพยาบาลที่ถูกยิงตายทั้งๆ ที่สวมชุดกาชาด มีสัญลักษณ์กากบาทสีแดงขนาดใหญ่ติดอยู่

แม้แต่ในภาวะสงคราม หน่วยพยาบาล หรือกาชาด ยังได้รับการละเว้นหรือปกป้องแม้เป็นพลเมืองของประเทศคู่สงคราม

ที่ยิ่งเศร้าและทำให้นานาชาติจับจ้องก็คือเธอถูกยิงตาย ขณะพยายามเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ!??

ฮิวแมนไรต์ฯ สรุปพ.ค.เลือด

ในวาระครบรอบ 1 ปีเหตุนองเลือดกลางกรุงเทพฯ กลุ่มสิทธิมนุษยชนสากลหรือ "ฮิวแมนไรต์วอตช์" ภาคพื้นเอเชีย ที่ติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่แรก ก็สรุปรายงานกรณีนี้เสร็จสมบูรณ์ ใช้ชื่อรายงานว่า

"จมดิ่งสู่หายนะ การชุมนุมประท้วงของคนเสื้อแดงและการปราบปรามของรัฐบาลไทยในปี 2553" (Descent into Chaos. Thailand"s 2010 Red Shirt Protests and the Goverment Crackdown.)

นายแบร็ด อดัมส์ ผอ.ภาคพื้นเอเชียของฮิวแมนไรต์วอตช์ เป็นผู้ดำเนินรายการ และรายงานผลสรุป พร้อมเชิญนางพะเยาว์ อัคฮาด แม่ของน.ส.กมนเกด พยาบาลอาสา 1 ใน 6 ศพ ที่ถูกสังหารหมู่ในวัดปทุมวนาราม มาร่วมชี้แจงด้วย

รายงานสรุปมีภาพและคลิปวิดีโอเหตุการณ์มาประกอบ อาทิ ภาพทหารถืออาวุธ ภาพทหารถือปืนสไนเปอร์บนที่สูง ภาพทหารอยู่บนรางรถไฟฟ้าหน้าวัดปทุมวนาราม ภาพผู้สื่อข่าวไทยและผู้สื่อข่าวต่างประเทศถูกหามออกหลังจากถูกยิง



รายงานเขียนเป็นภาษาอังกฤษ มีความยาว 156 หน้า เป็นข้อมูลได้จากการสัมภาษณ์พยานผู้อยู่ในเหตุการณ์ นักข่าว นักสิทธิมนุษยชน นักการเมือง นักกฎหมาย ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ความมั่นคง และผู้มีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ความรุนแรง รวม 94 คน

เนื้อหาชี้ว่า สาเหตุที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากส่วนใหญ่เพราะเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของรัฐ ใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ รวมถึงการใช้กระสุนจริงยิงใส่ผู้ชุมนุม และใช้สไนเปอร์ หรือทหารพลซุ่มยิงยิงใส่ผู้ชุมนุม

นอกจากนั้น รัฐบาลไทยยังปิดกั้นสื่อ และดำเนินมาตรการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรงหลายประการ อีกทั้งเมื่อสลายม็อบไปแล้วก็ยังไม่ยุติการละเมิดสิทธิ อาทิ จับกุมสมาชิกนปช.โดยไม่ตั้งข้อกล่าวหา พร้อมนำตัวไปคุมขังยังสถานที่ที่ไม่เหมาะสม

ผิดชัดเจน-ใช้"สไนเปอร์"

"จากการติดตามผลของสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองในประเทศไทยตลอด 1 ปีที่ผ่านมา พบว่า 2 ฝ่าย ประกอบด้วย รัฐบวกกับกองทัพ และฝ่ายนปช. ยังไม่ยอมรับความจริงที่แต่ละฝ่ายใช้ความรุนแรงและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง" นายแบร็ด กล่าว และว่า โดยเฉพาะผลการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไม่มีความชัดเจนและไม่ไปถึงไหน สังคมมีข้อกังขา เช่น การจับคนชุดดำตามที่รัฐกล่าวอ้างมีจริงหรือไม่ และจับกี่คนแล้ว สถานะเป็นอย่างไร สังคมไม่ได้รับรู้

ผอ.ฮิวแมนไรต์ฯ ภาคพื้นเอเชีย มองว่ารัฐบาลและกองทัพผิดชัดเจนหนีไม่พ้นการใช้นักแม่นปืน หรือสไนเปอร์ มาจัดการกับม็อบ

"กรณีนี้ไม่ใช่สงคราม และการจะยิงคนต้องมีอาวุธ แต่ที่เห็นภาพการตายส่วนใหญ่พบว่าจะยิงคนไม่มีอาวุธ และยิงบนจุดสำคัญ เช่น ศีรษะ หัวใจ จนถึงแก่ความตาย หรือถ้ายิงก็ไม่ควรถึงตาย และที่หนักกว่าก็คือในกลุ่มผู้เสียชีวิตยังมีผู้สื่อข่าวและอาสาพยาบาลรวมอยู่ด้วย"

ฮิวแมนไรต์ฯ มองว่าการสอบสวนในส่วนการกระทำของเจ้า หน้าที่รัฐ เช่น การใช้สไนเปอร์ที่วัดปทุมวนาราม ล่าช้า ไม่โปร่งใส จนทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ดูเหมือนว่าหน่วยงานรัฐตั้งใจดำเนินคดีกับคนเสื้อแดงมากกว่า

ขณะเดียวกันการเผาสถานที่สำคัญๆ ไม่ได้เกิดเฉพาะที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์เท่านั้น แต่เกิดขึ้นกว่า 30 จุดทั้งในกทม.และต่างจังหวัด ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่แกนนำเสื้อแดงประกาศบนเวที เหมือนกับเป็นนโยบาย ให้คนเสื้อแดงยอมรับการตรวจสอบในส่วนนี้ด้วย

ฟันธงทหารยิงใส่วัดปทุมฯ

ในรายงานดังกล่าวที่ให้น้ำหนักและความสนใจเป็นพิเศษ คือกรณีฆ่าหมู่ 6 ศพภายในวัดปทุม วนาราม ฮิวแมนไรต์ฯ ระบุในรายงานว่า วันที่ 19 พ.ค.2553 หลังจากแกนนำนปช.ประกาศยุติการชุมนุม ผู้ชุมนุมที่ยังเหลืออยู่ประมาณ 2,000 คนได้เข้าไปอยู่ในวัดปทุมฯ

จากการลงพื้นที่สำรวจวัดปทุมฯ พบว่ากระสุนไรเฟิลที่ประทับรอยอยู่ตรงสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ใกล้กับวัดปทุมฯ นั้นยิงมาในแนวราบ จึงเท่ากับว่ายิงมาจากจุดที่ไกลจากวัดปทุมฯ ซึ่งเชื่อว่ายิงมาจากบริเวณใกล้ประตูทางเข้าห้างสยามพารากอน และจากจุด ดังกล่าว ทหารได้ไล่ยิงคนที่อยู่หน้าวัดปทุมฯ

แต่ดีเอสไอและกองทัพโต้แย้งข้อมูลของฮิวแมนไรต์ฯ

รายงานระบุว่าจากการสำรวจกำแพง ผนัง และพื้นในวัดปทุมฯ มีหลักฐานชัดว่า มีการยิงกระสุนปืนไรเฟิล ลงมาจากรางรถไฟฟ้า บีทีเอสเข้าใส่วัดปทุมฯ ขณะที่ภาพจากคลิปวิดีโอที่ถ่ายในวันที่ 19 พ.ค. ชี้ว่า มีทหารอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอสและยิงลงมาสู่พื้นราบ

ฮิวแมนไรต์ฯ สรุปว่า มีทหารกลุ่มหนึ่งเดินเท้าจากฝั่งตะวันตก มายังวัดปทุมฯ ส่วนกลุ่มที่สองประจำการอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอสตรงข้ามวัดปทุมฯ

ด้านทหารโต้แย้งว่าเป็นการยิงปะทะกับคนเสื้อแดง พวกปล้นสะดม และมือวางเพลิง

ในตอนท้ายฮิวแมนไรต์ฯ เสนอคำแนะนำถึงรัฐบาลไทยเพื่อแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางการเมือง อาทิ 1.เปิดการสอบสวนอย่างอิสระ เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ 2.กองทัพ ตำรวจ และหน่วยงานของรัฐอื่นๆ ของไทย ต้องให้ความร่วมมือในการสอบสวนหาความจริง

3.เปิดเผยรายชื่อ-ข้อมูลของบุคคลที่ถูกจับกุมตัวไปภายใต้พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และป้องกันไม่ให้คนกลุ่มนี้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน 4.ช่วยเหลือเยียวยาบุคคลและญาติของบุคคลที่ตกเป็นเหยื่อรุนแรงจากฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐ

5.ยกเลิกการปิดกั้นเสรีภาพสื่อสารมวลชนโดยทันที รวมถึงสื่อในเครือข่ายนปช. และยุติการนำกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาดำเนินคดีกับผู้ที่มีความเห็นไม่ตรงกับรัฐบาล

สุเทพอ้างคดี"เจเอฟเค"

หลังรายงานของฮิวแมนไรต์วอตช์ เผยแพร่ออกมาโดยเฉพาะประเด็นเรื่องใช้กระสุนจริงและสไนเปอร์จัดการกับประชาชน ทำให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง แสดงความไม่พอใจอย่างมาก

"เห็นข่าวแล้วรู้สึกเสียใจ เพราะองค์กรนี้ควรเป็นกลางและปฏิบัติให้ถูกต้อง ไม่เอนเอียง และก่อนจะพูดอะไรที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่องค์กรในประเทศไทยหรือภาพรวมของประเทศไทย ควรตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อน และน่าเสียดายตอนที่มีคดีอุ้มฆ่า 3,000 ศพ สมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร องค์กรนี้ไม่รู้อยู่ที่ไหนไม่เคยได้ยินเสียง"

ส่วนกรณีคดีผ่านมา 1 ปีแล้วแต่ไม่มีอะไรชัดเจน นายสุเทพ เลี่ยงตอบโดยย้อนว่า

"องค์กรพวกนี้ให้กลับไปดูที่ประเทศตัวเอง สมัยประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ หรือเจเอฟเค ถูกลอบยิงเสียชีวิต จนเดี๋ยวนี้ยังไม่ชัดเจน"

รองนายกฯ ระบุอีกว่าไม่จำเป็นต้องฟังฝรั่งที่กล่าวหาประเทศไทย เพราะไทยมีคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน ยังทำงานกันอยู่ ทำหน้าที่ค้นหาข้อเท็จจริงกันอยู่

เห็นท่าทีที่ชัดเจนของนายสุเทพ ก็คงพอคาดเดาได้ว่าตราบที่รัฐบาลชุดนี้ยังมีอำนาจ คดี 91 ศพจะลงเอยเช่นใด!??