ผู้เขียน หัวข้อ: สหรัฐฯ ถอนทหารบางส่วนออกจากปากีฯ หลังสัมพันธ์ยังตึงเครียด  (อ่าน 1495 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์


     เอเอฟพี - กองทัพสหรัฐฯ แถลงวานนี้ (25) ว่าได้เริ่มถอนกำลังทหารบางส่วนออกจากปากีสถาน หลังกรุงอิสลามาบัดต้องการให้เหลือทหารสหรัฐฯ จำนวนน้อยที่สุด ท่ามกลางความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างสองชาติ สืบเนื่องมาจากปฏิบัติการล่าตัวอุซามะห์ บิน ลาดินในดินแดนปากีสถานของหน่วยซีลส์
      
       รัฐบาลปากีสถานได้แจ้งให้สหรัฐฯ ถอนกำลังทหารมากกว่า 200 คน เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา พ.อ.เดฟ ลาแพน โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ เราได้รับแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรว่า รัฐบาลปากีสถานประสงค์ให้สหรัฐฯ ลดจำนวนทหารในปากีสถาน ดังนั้น เราจึงเริ่มการถอนกำลัง”
      
       โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ไม่ได้เปิดเผยว่ามีจำนวนทหารเท่าไรที่ต้องถอนตัว ทั้งนี้ กำลังทหารสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ในปากีสถานเป็นกองกำลังพิเศษ ผู้ทำหน้าที่ฝึกสอนและแนะนำทหารปากีสถาน เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มอัลกออิดะห์และกลุ่มมุสลิมติดอาวุธที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน
      
       การถอนกำลังทหารสหรัฐฯ ออกจากปากีสถานตอกย้ำถึงวิกฤตความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ สืบเนื่องมาจากปฏิบัติการของหน่วยคอมมานโดสหรัฐฯ สังหารบิน ลาดิน เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม แม้ว่านักการทูตอเมริกันพยายามสมานรอยแผลนี้เต็มที่
      
       ไม่กี่วันหลังจากนั้น พล.อ.อัชฟัก กายานี ผู้บัญชาการกองทัพปากีสถาน ประกาศว่า หากเกิดปฏิบัติทำนองนี้ขึ้นอีก อาจต้องมีการพิจารณาถึงความร่วมมือทางทหารกกับสหรัฐฯ
      
       หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่า ก่อนหน้านี้ ปากีสถานเคยแจ้งให้สหรัฐฯ ถอนทหารจำนวน 20 - 30 คน จากกองกำลังพิเศษประมาณ 150 คน หลังจากเจ้าหน้าที่ของซีไอเอคนหนึ่งยิงชาวปากีสถานเสียชีวิต 2 คนในเมืองลาฮอร์
      
       ปากีสถานต้องการให้มีเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หลงเหลือกในประเทศให้น้อยที่สุด ต่อรองกับชะตากรรมของเรย์มอนด์ เดวิส เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่ยิงชาวบ้านปากีสถานเสียชีวิต โดยอ้างว่าเข้าใจผิดว่าเป็นขโมย และถูกจับฐานฆาตกรรม ต่อมา เดวิสได้รับการปล่อยตัวเมื่อเดือนมีนาคม หลังจากครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้รับเงินชดเชยจำนวนหนึ่ง
      
       ในสหรัฐฯ เอง ส.ส.บางส่วนก็แสดงความต้องการให้ประเมินความสัมพันธ์กับปากีสถานเสียใหม่จากเหตุการณ์การล่าตัวบิน ลาดิน โดยกล่าวหาว่าปากีสถานเล่นบทตีสองหน้า ทั้งสนับสนุนกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง ขณะเดียวกันผลาญเงินช่วยเหลือของสหรัฐฯ จำนวนมหาศาล อย่างไรก็ตาม รัฐบาลโอบามายังคงต้องการใช้นครการาจี เมืองท่าสำคัญของปากีสถานเป็นฐานส่งกำลังบำรุงทหารในอัฟกานิสถาน
      
       นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังคงต้องการตั้งสำนักงานข่าวกรองในดินแดนปากีสถานต่อไป เพื่อรับประกันว่าอาวุธนิวเคลียร์ของกรุงอิสลามาบัดจะไม่ตกอยู่ในมือกลุ่มก่อการร้าย
      
       นักวิเคราะส่วนหนึ่งมองว่าปากีสถานและสหรัฐฯ ต่างต้องการกันและกัน โดยผลประโยชน์ระหว่างทั้งสองประเทศทำให้ความสัมพันธ์ไม่อาจแตกหักได้
      
       ปากีสถานเคยหนุนหลังระบอบตอลิบานในอัฟกานิสถาน แต่แลกเปลี่ยนฝั่งทันทีที่เกิดเหตุวินาศกรรม 9/11 น้ำมือของกลุ่มอัลกออิดะห์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สหรัฐฯ ได้มอบเงินช่วยเหลือมูลค่ากว่า 18,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 547,000 ล้านบาท) ให้กับปากีสถาน