ผู้เขียน หัวข้อ: เปิดตัว 16 พี่เลี้ยงปั้น ‘ยิ่งลักษณ์’ นั่งนายกฯ ชู ‘จุดแข็ง-กำจัดจุดอ่อน’ แก้เกมก๊วนสาดโคลน  (อ่าน 1513 ครั้ง)

ออฟไลน์ webmaster

  • Administrator
  • medtech ปี เอก
  • *****
  • กระทู้: 3951
    • อีเมล์


       เปิด 16 พี่เลี้ยงปั้น “ยิ่งลักษณ์” นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก คนในเพื่อไทยชี้ “เสนาะ-เจ๊หน่อย-เพ้ง” มือประสานสิบทิศพรรคร่วม “เฉลิม” พี่เลี้ยงไฮด์ปาร์กจับมือยิ่งลักษณ์ลุยเจาะพื้นที่อีสาน ขณะที่ “ตู่-เต้น-อภิวันท์” ตัวเชื่อมฐานเสียงเสื้อแดง “นิวัฒน์ธำรง” ดูแลเรื่องสื่อ ขณะที่ “ทักษิณ” ไม่ปล่อยน้องเคว้งคิดนโยบายการตลาด-หาวิธีแก้เกมการเมืองกันน้องสาวถูกสาดโคลนด้วยตนเอง
      
       “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” น้องสาวคนสนิท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 ของพรรคเพื่อไทย เป็นมวยหลักคู่ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และเธอคือน้องสาวที่ได้รับการ “โคลนนิ่ง” จาก พ.ต.ท.ทักษิณในทุกด้าน รวมถึงตำแหน่งสุดท้ายที่ยากที่สุด สูงที่สุด ที่ต้องก้าวไปให้ถึงตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย”
      
       เพียงก้าวแรกสำหรับการเป็นคู่แข่งขันทางการเมืองกับประชาธิปัตย์ ตั้งแต่แค่มีกระแสว่าจะมาเป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 เธอก็ถูกการเมืองแบบประชาธิปัตย์เจาะลึกถึง ความสัมพันธ์ฉัน “ครอบครัว” กับสามีที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสมาก่อนการเปิดตัวยิ่งลักษณ์ในฐานะปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 ของพรรคเพื่อไทยมาก่อนหน้านี้แล้ว แม้กระทั่ง พ.ต.ท.ทักษิณยังเปรยออกสื่อว่า เลือกยิ่งลักษณ์ แต่อาจไม่ได้ให้เป็นนายกรัฐมนตรีในท้ายที่สุด เพราะเกรงว่าน้องสาวจะสู้เกมการเมืองไม่ไหว แต่ท้ายที่สุด ปลอดประสพ สุรัสวดี กระบอกเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยืนยันผ่านสื่อว่า เวลานี้อย่างไรก็ต้อง “ยิ่งลักษณ์” เท่านั้น!
      
       ดังนั้น การจะก้าวเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่าย และยังมีอุปสรรคอะไรที่ “ยิ่งลักษณ์” ต้องฝ่าฟัน และใครคือคนที่ “พ.ต.ท.ทักษิณ” ส่งมาช่วยปั้นและช่วยดัน “ยิ่งลักษณ์” สู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยตั้งเป้าหมายไว้
      
       สำหรับยิ่งลักษณ์แล้ว เมื่อดูจากผลโพลของเอแบคโพลล์ที่ทำการสำรวจเชิงวิจัยในตัวผู้นำเปรียบเทียบระหว่างอภิสิทธิ์ และยิ่งลักษณ์ใน 2 ครั้ง คือครั้งแรกต้นเดือนพฤษภาคม และปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
      
       ในความเป็นผู้นำ 18 ด้าน ได้แก่ ความอดทนอดกลั้นรู้จักควบคุมอารมณ์, มีความสุภาพอ่อนน้อม, ได้รับการยอมรับภายในประเทศและต่างประเทศ, ประพฤติเป็นแบบอย่างที่ดี, มีความโอบอ้อมอารี, มีความเป็นผู้นำ, มีความรู้ความสามารถ, มีจริยธรรมทางการเมือง, มีวิสัยทัศน์,เสียสละ, มีความซื่อสัตย์สุจริต, เป็นคนรุ่นใหม่, มีความคิดสร้างสรรค์, มีความยุติธรรม, กล้าคิดกล้าตัดสินใจ, แก้ปัญหา(บริหาร)ความขัดแย้งได้ดี, รวดเร็วฉับไวในการแก้ไขปัญหา และมีฐานะร่ำรวย ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจ
      
       ผลโพลทั้งสองครั้งมีความน่าสนใจอยู่ที่ว่า ในด้านมีฐานะร่ำรวย และประสบความสำเร็จด้านธุรกิจ ยิ่งลักษณ์มีคะแนนนำโด่งอภิสิทธิ์ทั้ง 2 ครั้ง คือ ร้อยละ 38.5 และร้อยละ 55.3 มากกว่าอภิสิทธิ์ ที่อยู่ที่ ร้อยละ 19.7 และ 15.3 ตามลำดับ ขณะที่ด้านอื่นๆ แม้ยังเทียบชั้นอภิสิทธิ์ไม่ได้แบบสูสีในภาวะผู้นำ แต่ผลพบว่าเพียงระยะเวลาไม่ถึงเดือน คะแนนผู้นำของยิ่งลักษณ์เพิ่มสูงขึ้นทุกด้าน
      
       ประกอบรวมกับการที่ขุนพลพรรคประชาธิปัตย์หลายคนต่างออกมาพูดถึงจุดอ่อนของยิ่งลักษณ์ ด้านครอบครัว และด้านกฎหมายในฐานะที่เข้าไปช่วยครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณในคดี 76,000 ล้านบาท จนมีการตั้งคำถามจากสังคมถึงความสามารถในการลงรับสมัครเลือกตั้งว่าทำได้หรือไม่ ยิ่งทำให้เห็นว่า แม้วันนี้ “ยิ่งลักษณ์” จะมีคะแนนนิยมในความเป็นผู้นำน้อยกว่า “อภิสิทธิ์” เกือบทุกด้าน แต่ “ยิ่งลักษณ์” ก็ถือเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของประชาธิปัตย์
      
       “เสนาะ-หน่อย-เพ้ง”
       มือประสานพรรคร่วม
      
       “คุณยิ่งลักษณ์มีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน จุดแข็งที่เด่นที่สุดคือความเป็นน้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และประสบการณ์ในการบริหารงานเอกชนขนาด 1 แสนล้านบาท ส่วนจุดอ่อนอยู่ที่ประสบการณ์ด้านการเมือง หากเจอนักการเมืองรุ่นเก่าๆ เล่นการเมืองแบบเก่าๆ อาจจะยังทำอะไรไม่ถูก แต่ถ้านักการเมืองเล่นตามกติกาก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร” สุพล ฟองงาม ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าว
      
       โดยประสบการณ์ด้านการเมืองจริงๆ แล้วมีความสำคัญใน 2 ส่วน ส่วนแรก คือ การดูแล ส.ส.ในพรรคเพื่อไทย และอีกส่วนคือการประสานงานพรรคร่วม
      
       ในส่วนการดูแล ส.ส.ในพรรคเพื่อไทย ส่วนนี้ยิ่งลักษณ์สามารถบริหารงานได้อย่างดี ไม่น่ามีปัญหา เนื่องจากมีการทำงานอย่างเป็นระบบตั้งแต่สมัยเป็นพรรคไทยรักไทย มาจนถึงพรรคพลังประชาชน และเพื่อไทย ซึ่งมีวัฒนธรรมองค์กรของพรรคที่ชัดเจนอยู่แล้ว การดูแล ส.ส.ในพรรคจึงไม่ใช่เรื่องยาก
      
       ส่วนงานประสานงานพรรคร่วม ความที่ประสบการณ์ยิ่งลักษณ์ยังน้อย จำเป็นต้องอาศัย “พี่เลี้ยง” หรือผู้ช่วยในการประสานงานการเมืองแบบที่เรียกว่า “เก๋าเกม” มาช่วย ส่วนนี้คนที่จะเข้ามาปิดจุดอ่อนให้ยิ่งลักษณ์ ประกอบด้วยคนสำคัญๆ อย่างน้อย 3 คน โดยคนที่จะมีบทบาทส่วนนี้โดดเด่นที่สุด คือ “เสนาะ เทียนทอง” เนื่องจากเป็นผู้อาวุโสทางการเมือง มีบารมีทางการเมืองสูง อีกทั้งยังรู้จักนักการเมืองพรรคต่างๆ ทุกพรรค จึงเหมาะสมที่สุดที่จะเข้ามาทำงานในตำแหน่ง “แม่บ้านพรรค” ที่ดีที่สุดในเวลานี้
      
       อีกทั้งยังมีคนบ้านเลขที่ 111 หลายคนที่จะเข้ามาช่วยในการประสานงานพรรคร่วม โดยมีคุณสมบัตสำคัญคือได้รับยกย่องในแวดวงการเมืองว่าเป็นนักประสานสิบทิศ เช่น “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” และ “พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล”
      
       นอกจากนี้ เพื่อเอาชนะการเลือกตั้งในศึกใหญ่ครั้งนี้ ยิ่งลักษณ์ยังมีพี่เลี้ยงที่เข้ามาช่วย “ปิดจุดอ่อน” อีกหลายด้าน
      
       พี่เลี้ยงกลุ่มที่สอง นอกจากมือประสานสิบทิศแล้วจะเป็นกลุ่มด้านกฎหมาย กลุ่มด้านกฎหมายของพรรคเพื่อไทยนั้น สุพล ยอมรับว่าจะเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้ยิ่งลักษณ์ได้เป็นอย่างดี ทั้งกรณีของคดีความส่วนตัว และการพิจารณาประเด็นด้านกฎหมายต่างๆ โดยคนสำคัญในกลุ่มนี้ได้แก่ “พงศ์เทพ เทพกาญจนา”, “ชูศักดิ์ ศิรินิล” และทีมทนายนำโดย “พิชิต ชื่นบาน”
      
       ขณะที่ด้านความมั่นคง หรือการประสานงานกับทหาร มือที่จะเข้ามาช่วยยิ่งลักษณ์คือทหารที่เข้ามาอยู่ในพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะรุ่น 10 ที่เชื่อว่าเป็นจุดสำคัญที่จะเชื่อมต่อกับบิ๊กทหารเพื่อเดินหน้าการปรองดองให้ประเทศกลับมาสู่ภาวะปกติ รายชื่อทหารสำคัญๆที่อยู่ในพรรคเพื่อไทยขณะนี้ได้แก่ “พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี” อดีตผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการอากาศโยธินที่เคยช่วยงาน พ.ต.ท.ทักษิณมาโดยตลอด
      
       “เฉลิม” พี่เลี้ยงปราศรัย
       “ตู่-เต้น” เชื่อมเสื้อแดง
      
       ประเด็นข้อสงสัยเรื่องรากหญ้า สุพลเปิดเผยว่า เป็นทีมที่แน่นหนาที่จะหนุนยิ่งลักษณ์มากที่สุด โดยคนสำคัญที่เป็นพี่เลี้ยงทั้งด้านกลยุทธ์และการปราศรัย โดยเฉพาะในภาคอีสาน คือ“เฉลิม อยู่บำรุง” และ“เสนาะ เทียนทอง”
      
       “คุณเฉลิมนี่จะเป็นพี่เลี้ยงด้านการปราศรัย ด้านการลุยหาเสียงในภาคอีสานได้เป็นอย่างดี รวมถึงคุณเสนาะ เทียนทองที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่จะเข้ามาช่วยเสริม นอกจากนี้ยังมีขุนพลปราศรัยในระดับพื้นที่ต่างๆ ที่จะช่วยเสริมคุณยิ่งลักษณ์ได้อย่างดีเช่น ในภาคอีสานนี้มีอาจารย์เวียง วรเชษฐ์”
      
       นอกจากนี้ยังมีคนที่ประสานฐานเสื้อแดงช่วยยิ่งลักษณ์ได้แก่ จตุพร พรหมพันธุ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” และ “พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย
      
       “น่าเสียดายที่คุณจตุพรติดคดีความอยู่ในเรือนจำ ออกมาช่วยปราศรัยหาเสียงไม่ได้ รวมทั้งอดิศร เพียงเกษ ที่เป็นคนปราศรัยเก่งมาก โดยเฉพาะการปราศรัยเป็นภาษาอีสาน ซึ่งคนอีสานทุกจังหวัดชอบมาก แต่น่าเสียดายที่ติดคดีบ้านเลขที่ 111”
      
       ส่วนการนำนโยบายมาแปลงเพื่อสร้างสิ่งที่โดนใจ หรือที่รู้จัก Political Marketing ซึ่งเป็นการเมืองที่ใช้การตลาดนำ ก็จะมี “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ” ซึ่งเป็นคนที่เก่งที่สุดในพรรคเพื่อไทยขณะนี้ และที่ผ่านมาในสมัยสมัคร สุนทรเวช ได้มีการตกลงกันในพรรคว่า สมัครมีหน้าที่ไปปราศรัยหาเสียงในพื้นที่ต่างๆ แต่ “มิ่งขวัญ” จะมีจุดเด่นที่เป็นมือดีเบตกับพรรคอื่นๆ โดยเฉพาะการดีเบตนโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคผ่านวิทยุ โทรทัศน์ที่สำคัญ ซึ่งขณะนี้จะทำหน้าที่นี้หรือไม่อยู่ที่ตัวของ “มิ่งขวัญ” ด้วย
      
       “แม้ว” แก้เกมการเมือง
       ช่วยน้องเอง
      
       ขณะที่ “พี่เลี้ยง” ที่สำคัญที่สุดและมิอาจมองข้ามได้ สุพลระบุว่า คือตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ เอง ซึ่งคิดนโยบายพรรค ที่แม้ว่าในพรรคเพื่อไทยจะมีคณะทำงานเรื่องนโยบายของพรรค ที่จะมีคนกลั่นกรองและมีการสรุปเป็นแนวความคิดด้านการตลาดอยู่แล้ว แต่คนที่คิดนโยบายและแปลงเป็นเชิงการตลาดเก่งที่สุดอีกคนก็คือ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งน่าจะเป็นพี่เลี้ยงให้ยิ่งลักษณ์ในด้านนี้ด้วยตัวเอง
      
       ประกอบกับเกมการเมืองแบบทำลายล้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ด้านนี้มากที่สุดคนหนึ่ง ซึ่งในด้านนี้ก็เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะดูแลยิ่งลักษณ์ในประเด็นการต่อสู้ด้านการเมืองแบบเก่าด้วยตนเอง เพราะยิ่งลักษณ์เป็นทั้งน้อง ทั้งสายเลือดเดียวกัน ที่ พ.ต.ท.ทักษิณอยากเข้ามาดูแลให้คำแนะนำเอง และเตรียมรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นไว้พร้อมก่อนที่จะตัดสินใจให้ยิ่งลักษณ์ลงรับสมัครเลือกตั้งในฐานะปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 ของพรรคเพื่อไทย
      
       จับตา 2 ปาร์ตี้ลิสต์
       ช่วยดูแลสื่อ-เชื่อมสถาบัน
      
       ด้านแหล่งข่าวนักการเมืองที่เคยร่วมงานหลายพรรคกล่าวว่า สำหรับ “พี่เลี้ยง” ยิ่งลักษณ์นั้น จะไม่มีใครที่มีคุณสมบัติครบในคนคนเดียว แต่จะมีจุดเด่นที่เข้ามาช่วยหลายๆด้าน
      
       นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ยังปรากฏชื่อของ “นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล” อดีตผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไอทีวี และอดีตผู้บริหารระดับสูงของเครือชินคอร์ป ซึ่งเป็นผู้ที่ครอบครัวชินวัตรให้ความไว้ใจ รวมทั้งได้ส่งนิวัฒน์ธำรงลงปาร์ตี้ลิสต์ในลำดับที่ 21 ซึ่งน่าจะเข้ามาช่วยดูแลงานด้านสื่อมวลชนให้กับยิ่งลักษณ์อย่างครบวงจร
      
       อีกชื่อหนึ่งที่น่าจับตา คือ “พ.ต.อณันย์ วัชโรทัย” ลูกพี่ลูกน้องกับแก้วขวัญ วัชโรทัย แม้ไม่ชัดเจนในความสัมพันธ์แต่ พ.ต.อณันต์ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในปาร์ตี้ลิสต์พรรคเพื่อไทยลำดับที่ 31 ซึ่งถือว่าเป็นลำดับที่ไม่มีความเสี่ยงในการได้ตำแหน่ง ส.ส.เท่าไรนักในฐานะพรรคใหญ่อย่างเพื่อไทย
      
       หลายคนจับตามองว่า พ.ต.อณันย์เป็นสายเชื่อมต่อสำคัญกับสายวัง กลบจุดอ่อนข้อหาหมิ่นสถาบันของ พ.ต.ท.ทักษิณให้ได้ด้วย!
      
       แน่นอนว่าอีก 2 ชื่อกุนซือที่ขาดไม่ได้ คือ “ภูมิธรรม เวชยชัย” และ “นพ.พรหมมินท์ เลิศสุริย์เดช” วันนี้แม้ได้รับการยืนยันจากคนในพรรคว่าทั้ง 2 ชื่อนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาปรากฏตัวที่พรรคเพื่อไทย เพราะนั่งทำงานอยู่ที่มูลนิธิบ้านเลขที่ 111 แต่ทั้งสองชื่อนี้ยังเป็นผู้ที่วางยุทธศาสตร์ทางการเมืองที่สำคัญที่มิอาจมองข้าม
      
       อย่างไรก็ดี แม้ผลโพลจะออกมาว่าตัวยิ่งลักษณ์ยังมีคะแนนที่ต่ำกว่าอภิสิทธิ์ในเกือบทุกด้าน แต่ปัจจัยที่จะส่งให้ยิ่งลักษณ์ไปถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่ได้อาศัยเพียงแค่การแข่งขันที่ภาวะผู้นำของทั้งสองคู่ชิงแต่อย่างใด
      
       เนื่องจากสังคมไทยไม่ได้อยู่ในสภาพปกติ แต่ประกอบไปด้วยความขัดแย้งทางสังคมที่สูงมาก ความขัดแย้งที่ดำเนินอยู่นี้ จะทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะเลือกพรรคการเมืองโดยการเลือกพวกของตัวเองเป็นหลัก ดังนั้นฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์จะยังเลือกพรรคประชาธิปัตย์ไม่ว่ามีผู้นำที่ชื่ออภิสิทธิ์ หรือไม่ เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทยที่จะเลือกพรรคเพื่อไทยไม่ว่าจะเป็นยิ่งลักษณ์หรือไม่
      
       ดังนั้น ยิ่งลักษณ์มีโอกาสไปถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหากพรรคเพื่อไทยได้รับคะแนนเสียงสูงสุดเป็นพรรคอันดับ 1 ที่จะมีสิทธิจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งภาวะผู้นำของทั้งสองจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและทำให้ชนะเลือกตั้งได้
      
       โดยความเชื่อมั่นที่จะเกิดจากตัวยิ่งลักษณ์ ที่สำคัญมี 5 ประการคือ ความเป็นน้อง พ.ต.ท.ทักษิณทำให้ได้รับคะแนนเสียงที่นิยมต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ถ่ายโอนมาด้วย, มีประสบการณ์ในการบริหารงานธุรกิจขนาดใหญ่, มีการศึกษาดี, ความเป็นผู้หญิง, เป็นปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1 แต่จะชนะหรือไม่ชนะ อยู่ที่เสียงประชาชนเป็นหลัก ถ้าฐานเสียงแน่นได้รับคะแนนมาก ก็เป็นนายกฯได้ แต่ถ้าถามว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีได้หรือไม่ ยังบอกไม่ได้ และยิ่งลักษณ์ยังมีด่านที่ต้องฝ่าอีกหลายด่าน
      
       ด่านแรก เมื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯแล้ว ยิ่งลักษณ์ ถือว่ามาถึงจุดที่ได้แต้มต่อทางการเมืองกว่าคนอื่นๆ ในพรรคแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่ยิ่งลักษณ์ จะต้องสร้างภาวะผู้นำให้เกิดความเชื่อถือกับสังคมให้ได้ในระยะเวลาอันสั้นนี้ เพื่อนำไปสู่การชนะศึกเลือกตั้ง
      
       ด่านต่อมาเมื่อชนะเลือกตั้งแล้ว ยิ่งลักษณ์ก็จะต้องทำให้ส.ส.ในสภาฯยกมือรับรองให้เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ ตรงนี้เป็นจุดที่ยิ่งลักษณ์จะต้องเจอและต้องผ่านด่าน
      
       ด่านต่อมา ยิ่งลักษณ์จะต้องเจอด่านการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีนั้นเป็นด่านที่สำคัญมาก เพราะการแต่งตั้งรัฐมนตรีที่ดี ที่มีคุณภาพ จะช่วยนายกฯ ได้มาก แต่หากใช้โควตาทางการเมืองเป็นหลัก ก็จะทำให้ยิ่งลักษณ์ต้องทำงานที่เหนื่อยมาก
      
       อย่างไรก็ดี ทีมงานหรือคณะทำงานด้านต่างๆ เป็นสิ่งจำเป็นกับยิ่งลักษณ์ ทั้งก่อนเลือกตั้ง และหลังเลือกตั้ง จำเป็นจะต้องเลือกคนดี คนเก่งเข้ามาช่วย แต่สำคัญตรงที่คนที่จะเข้ามาช่วยงานต่างๆ ควรจะต้องผ่านงานด้านการบริหารมาก่อน อีกทั้งต้องรู้เท่าทันนักการเมืองด้วย ถึงจะประสบความสำเร็จ
      
       “กฎหมาย-ข้าราชการ-ต่างประเทศ”
       จุดอ่อนที่ต้องระวัง!
      
       ขณะที่ เกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทย และคณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ มองเปรียบเทียบความพร้อมในการเข้าสู่การเข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของยิ่งลักษณ์ ด้วยว่า ยิ่งลักษณ์มีจุดแข็งยังอยู่ที่การเคยดำรงตำแหน่งในภาคเอกชนมาก่อน ขณะที่สิ่งที่ผู้นำประเทศหรือผู้จะเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วย “ภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ นักธุรกิจ” จึงถือว่าดึงดูดและน่าสนใจ แต่ในทางการเมืองอาจไม่ง่าย
      
       เนื่องจากการทำงานในฐานะนายกรัฐมนตรียังคงมีความจำเป็นในแง่มุมอื่นที่อาจจะเป็นอุปสรรคสำคัญในการทำงานการเมืองโดยเฉพาะตำแหน่งผู้นำรัฐบาล ซึ่งยิ่งลักษณ์มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจในระดับหนึ่ง แต่หากมองในข้อเท็จจริงในแง่มุมกฎหมาย รวมถึงระเบียบราชการในการบริหารถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่จำเป็นต้องใช้ความเข้าใจ รวมถึงระบบการทำงานของข้าราชการที่ล้วนแล้วแต่มีความแตกต่างและหลากหลายมากซึ่งไม่อาจง่ายเหมือนเช่นในยุคของเอกชน
      
       “ความคาดหวังของประชาชนและสังคมนั้นค่อนข้างสูง กับผู้ที่จะเป็นนายกฯ ซึ่งไม่ว่าจะใครก็ต้องมีทีมที่ปรึกษาด้านต่างๆ อยู่แล้ว หรือหากจะตั้งขึ้นมาช่วยเหลือก็ยังมีอีกหลายส่วนที่ต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัว ความเข้าใจ ประสบการณ์อย่างอื่นและหากยังไม่เชี่ยวชาญหรือเข้าใจก็อาจจะแบกรับไม่ไหว”
      
       รวมถึงบทบาทในเวทีนานาชาติระดับประเทศ ที่ผู้นำจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจและมีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ตอบโต้และประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ เนื่องจากต้องปฏิบัติงานในฐานะตัวแทนของประเทศที่มิใช่เพียงผู้นำองค์กรเท่านั้นซึ่งต้องใช้ประสบการณ์ในสนามการเมืองอย่างแน่นอน ดังนั้น แม้ว่าจะมีทีมที่ปรึกษาในด้านต่างๆ เข้ามาช่วยงานก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วบุคคลซึ่งเป็นผู้นำรัฐบาลก็จำเป็นต้องใช้ภาวะผู้นำและความเข้าใจในทางกฎหมายจำเป็นต้องทำหน้าที่โดยตรงนั่นเอง