ปอ.ยูโร สาย 510 ชนสาวใหญ่เสียชีวิต ขณะที่น้องสาวผู้ตายเผยตนเองทำงานเป็นแม่บ้านทีโอที และหารายได้เสริมตั้งรถเข็นขายข้าวโพดต้ม แต่วันนี้ถูกเทศกิจยึดอุปกรณ์ขายของไป พี่สาวที่มาช่วยขายเลยวิ่งข้ามถนนไปเอาของจากบริษัทฯ มาขายเพิ่มหลายรอบจนถูกรถชน ด้านโชเฟอร์ยูโรยันผู้ตายวิ่งตัดหน้ารถกะทันหัน เบรกไม่ทันเลยชนเข้าอย่างจัง
วันนี้ (30 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ร.ต.อ.วินัย คำสุข พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.บางซื่อ รับแจ้งเหตุรถประจำทางชนคนข้ามถนนเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณหน้าตึกชินวัตรทาวเวอร์ 1 ปากซอยพหลโยธิน 8 ถนนพหลโยธินขาเข้า แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุตรงช่องจราจรด้านขวาสุดพบรถประจำทางปรับอากาศยูโร สีส้ม สาย 510 วิ่งระหว่าง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยฯ หมายเลขทะเบียน 12-5435 กทม. เลขข้างรถ 1-44129 เสียหลักพุ่งชนเกาะกลางถนนช่วงทางกลับรถหน้ากองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สภาพกระจกหน้ารถด้านซ้ายมีรอยแตก ส่วนที่ถนนระหว่างช่องที่ 2 และ 3 พบศพ น.ส.สมบูรณ์ วิชัยวงศ์ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 10 ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา สภาพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อแขนสั้นลายลูกไม้สีชมพู กางเกงขาสามส่วนสียีนส์ ซึ่งเป็นที่สยดสยองแก่ผู้พบเห็น ใกล้ศพมีนางสายทอง วิชัยวงศ์ อายุ 56 ปี น้องสาว นั่งร้องไห้อยู่ข้างศพอย่างน่าเวทนา นอกจากนี้ยังพบนายเล็ก จันทร์ศรีทอง อายุ 52 ปี โชเฟอร์รถเมล์คันดังกล่าวรอให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นายเล็กให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนขับรถอยู่เลนที่ 2 พอใกล้ถึงที่เกิดเหตุได้แซงรถคันหน้าขึ้นมาอยู่ช่องขวาสุด ซึ่งจังหวะนั้นได้ยินเสียงของกระเป๋ารถเมล์ร้องขึ้นมา โดยตนได้หันไปดูทางด้านซ้ายเห็น น.ส.สมบูรณ์วิ่งตัดหน้ารถอย่างกะทันหัน ตนพยายามหักพวงมาลัยหลบไปทางขวาแต่ไม่ทันเลยชนเข้าไปอย่างจัง แล้วรถเสียหลักชนเกาะกลางดังกล่าว ซึ่งตนไม่มีเจตนาจะชนแต่หลบไม่ทันจริงๆ เพราะมันกระชั้นชิดมาก นอกจากนี้ ขณะที่ น.ส.สมบูรณ์วิ่งมาที่หน้ารถตนยังสังเกตเห็นมีชายคนหนึ่งใส่ชุดคล้ายเจ้าหน้าที่เทศกิจวิ่งไล่ตามมาติดๆ ด้วย ซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ขอยืนยันว่าใช่เจ้าหน้าที่เทศกิจจริงหรือไม่ เพียงแต่มีลักษณะคล้ายกันเท่านั้น
ด้าน นางสายทองกล่าวว่า ตนเป็นน้องสาวของผู้ตาย ทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ติดกับกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งนอกจากเป็นแม่บ้านแล้วยังเข็นรถขายข้าวโพดต้มอยู่ที่หน้าตึกชินวัตร ฝั่งตรงข้ามที่ทำงานด้วย และเพิ่งขายได้ประมาณ 1 เดือนเท่านั้น โดยก่อนเกิดเหตุพี่สาวได้เดินทางมาจากต่างจังหวัดเพื่อมาเยี่ยมและช่วยขายของ แต่ขณะขายของอยู่หน้าตึกชินวัตรนั้น เวลาประมาณ 12.00 น. ได้มีเจ้าหน้าที่เทศกิจของสำนักงานเขตพญาไท เป็นชาย 1 คน เข้ามายึดอุปกรณ์การขายไปจากรถเข็น แต่ไม่ได้ยึดรถไป เพราะรถมีหม้อต้มน้ำร้อนอยู่เลยเอาไปไม่ได้ เนื่องจากวันนี้เป็นวันจันทร์ทางเจ้าหน้าที่ห้ามขายของ ซึ่งพี่สาวเห็นเหตุการณ์ก็สงสารตนเลยเดินไปคุยกับเจ้าหน้าที่เพื่อขอให้ผ่อนผันให้ แต่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอกให้ไปเสียค่าปรับที่สำนักงานเขตฯ ทั้งที่ตนก็จ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ที่มาตรวจบริเวณนี้เป็นประจำทุกวัน วันละ 100 บาท โดยเจ้าหน้าที่ยังสั่งให้มัดเงินใส่กับกระดาษก่อนจะยื่นให้อีกด้วย เพราะกลัวถูกถ่ายภาพเอาไว้ ซึ่งตนก็ทำตามที่สั่ง
นางสายทองกล่าวอีกว่า ปกติเตรียมเงินไว้ให้ แต่วันนี้ยังไม่ทันจะนำไปให้ก็มาถูกจับและยึดอุปกรณ์ขายของไปเสียก่อน แต่คนที่อยู่ใกล้ๆ กันกลับไม่โดนจับ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรทำไมถึงต้องจับตนเพียงคนเดียวเท่านั้น จากนั้นเมื่อพี่สาวรู้ว่าไม่ได้ของคืนแน่แล้วจึงตัดสินใจวิ่งข้ามถนนเพื่อกลับเข้าไปเอาอุปกรณ์การขายที่บริษัทฯ มาใส่รถเข็นให้เหมือนเดิม แต่อุปกรณ์มีหลายชิ้นไม่สามารถถือได้ครั้งเดียวหมด พี่สาวจึงต้องวิ่งข้ามไปข้ามมาหลายรอบ เพื่อหวังจะให้น้องสาวขายข้าวโพดต้มให้หมดเร็วๆ จะได้กลับบ้านกันเสียที แต่สุดท้ายก็มาถูกรถเมล์ชนจนเสียชีวิต ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่เทศกิจวิ่งไล่จับหรือไม่นั้นตนไม่เห็น ซึ่งอยากจะบอกว่าเสียใจอย่างมาก เพราะเพิ่งจะเจอกับพี่สาวได้ไม่กี่วันเท่านั้น โดยปกติพี่สาวจะคอยดูแลแม่อยู่ที่บ้านเกิด และตนก็จะส่งเงินไปให้ทุกเดือน เดือนละ 500 บาท แต่ที่ผ่านมามันน้อยไปไม่พอใช้จ่าย ตนจึงขอเจ้านายมาขายข้าวโพดต้มเพื่อจะให้ได้เดือนละ 1,000 บาท ซึ่งเจ้านายก็ใจดีให้มาขาย
ด้าน ร.ต.อ.วินัยกล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นพบรอยเบรกของรถเมล์ดังกล่าวเป็นทางยาวประมาณ 10 เมตร และจากการสอบสวนนายเล็กให้การว่า ผู้ตายวิ่งตัดหน้ารถอย่างกะทันหันทำให้เบรกไม่อยู่ทั้งที่พยายามหักหลบแล้วแต่ไม่ทัน ซึ่งต้องรอสอบปากคำพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาต่อนายเล็กว่าขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตาย ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
