เมื่อเวลา 01.30น.วันที่ 5มิถุนายน พ.ต.ท.ปิติพันธ์ กฤดากร ณ อยุธยา สารวัตร สน.จระเข้น้อย รักษาราชการ สว.สส.สน.ห้วยขวางและเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม น.ส.ทานตะวัน อุดมธนานันท์ อายุ 25ปีและนายสรธร หรือกร ณ สงขลา อายุ 34 ปี พร้อมของกลางยาไอซ์ จำนวน 63 กรัม และเครื่องซิลล์พลาสติก 1 เครื่อง โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณลานจอดรถคอนโดซิตี้โฮม ภายใน ซ.รัชดาภิเษก 10 แขวงและเขตห้วยขวาง กทม.
พ.ต.ท.ปิติพันธ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้จับกุมผู้ต้องหาได้ 4ราย ภายในอาคารบ้านสวนคอนโด ซ.ลาดพร้อม 71 แขวงและเขตวังทองหลาง กทม.พร้อมของกลางยาไอซ์จำนวน 100 กรัม ต่อมาผู้ต้องหารายหนึ่ง คือนางพิมลภัทร์ อัครเศษฐานันท์ อายุ 31ปี ได้ซัดทอดว่ายาเสพติดดังกล่าวเป็นของนายสรธร เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการขยายผล จนกระทั่งเมื่อเวลา 21.30น.ของวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ล่อซื้อยาจาก น.ส.ทานตะวัน จำนวน 1 กรัม เมื่อถึงเวลาน.ส.ทานตะวัน ได้มาตามนัด เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม ก่อนนำกำลังไปค้นในห้องพักก็พบยาไอซ์จำนวน 40 กรัม บรรจุใส่ถุงพลาสติกสีขาว ซุกซ่อนอยู่ในตู้เซฟ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ล่อซื้อยาเสพติดจากนายสรธร จำนวน 22 กรัม เมื่อถึงเวลานัดหมายนายสรธร ได้เดินทางมาถึง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมก็พบยาไอซ์จำนวนดังกล่าวซุกซ่อนไว้ในอุปกรณ์โมเด็มเราเตอร์ และพบไอซ์บรรจุในถุงขนมยี่ห้อล็อตเต้จำนวน 1 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกง จึงได้ควบคุมตัว
พ.ต.ท.ปิติพันธ์ กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้สั่งซื้อยามาจากเครือข่ายภายในเรือนจำ โดยทำได้มาประมาณ 6 เดือน ก่อนจะถูกจับกุม โดยนายสรธร หรือกร นั้นเป็นบุตรชายของนาย ประจักษ์ชัย ณ สงขลา ผู้สมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 94 ของพรรคประชาธิปัตย์ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ดำเนินคดีต่อไป
ด้าน นายประจักษ์ชัย ณ สงขลา ผู้สมัครส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ลำดับที่ 94 ให้สัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์มือถือถึงกรณีที่ บุตรชาย ถูกจับกุมในข้อหาค้ายาไอซ์ ว่า ตนเพิ่งจะทราบข่าวทางสื่อเมื่อเช้าตรู่ของวันนี้ (5 มิ.ย.) และตนเองพักอาศัยที่อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จึงได้ติดต่อประสานไปยังเจ้าหน้าที่พรรค เพื่อแสดงเจตจำนงค์ของลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค เพราะสิ่งที่ลูกตนได้กระทำเป็นสิ่งผิดกฏหมายจนส่งผลกระทบเสื่อมเสียถึงชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล ของพ่อแม่และชื่อเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ที่อยู่มาจนเป็นสถาบันการเมือง
"ผมจึงตัดสินใจขอลาออกโดยการแจ้งด้วยวาจาก่อนและได้ทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรส่งโทรสารไปยืนยันเพื่อขอลาออกจากพรรคแล้ว เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อพรรค ซึ่งผมต้องขอกราบขอโทษต่อบุคลากรตลอดจนพรรคประชาธิปัตย์ด้วย ในการกระทำของบุตรชายของผมในครั้งนี้ ทั้งนี้ยืนยันว่า ไม่มีใครในพรรคมากดดันให้ผมลาออก แต่ต้องทำเพื่อแสดงความรับผิดชอบเพื่อไม่ให้ส่วนรวมได้รับความเสียหายและผลกระทบในทางลบ"นายประจักษ์ชัย กล่าว
ขณะที่ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เพิ่งทราบข่าว เรื่องนี้พรรคยืนยันมาตลอดว่า ไม่เคยสนับสนุนขบวนการค้ายา ฉะนั้น พรรคจะปล่อยให้เจ้าหน้าที่สอบสวนเต็มที่ เพราะพรรคไม่มีนโยบายสนับสนุนเรื่องนี้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นลูกชายผู้สมัคร ส.ส. เชื่อว่า ไม่มีผลต่อพรรค เป็นเรื่องส่วนบุคคล
